เวลา 13.30 น.วันที่ 12 มี.ค.61 ร.ต.อ.เจตจำนง นุกาศ ร้อยเวร สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธมีดฆ่ากันตาย ที่บ้านเลขที่ 185/54 บ้านเมืองงิม หมู่ 4 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จึง รายงาน พ.ต.อ.สิทธิชัย ไกรแสง ผกก.สภ.บ้านดู่ พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ อิ่นใจ รองผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านดู่ ให้รับทราบพรอ้มประสานแพทย์นิติเวช รพเ.เชียงรยประชานุเคราะห์พร้อมกับ หน่วยกู้ภัย ก่อนรุดไปตรวจ สอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้นครึ่งติดถนนสายฝั่งหมิ่น-บ้านฟาร์ม ตรงคูหาสุดท้าย โดยลักษณะเคยเปิดเป็นร้านกาแฟสด ที่เกิดเหตุพบนางนภาพร มณีรักษ์ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 410/24 หมู่ 1 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย และ น.ส.ภัทรดา มณีรักษ์ อายุ 30 ปีรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตื่นตกใจ
น.ส.ภัทรดา ได้พาเจ้าหน้าที่ไปดูที่ห้องนอนชั้น 2 ของบ้านพบศพชายทราบชื่อคือนายเปรม มณีรักษ์ อายุ 82 ปี บ้านเลขที่ 117/3 ถนนเพชรเกษม ซอย 27 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สภาพกางเกงขาสั้นสีดำ และเสื้อยืดแขนสั้นสีลายที่เปื้อนไปด้วยเลือด โดยนอนเสียชีวิตจอมกองเลือดอยู่บนฟูกนอนภายในห้อง เมื่อตรวจดูที่ศพพบที่ลำคอถูกของมีคมปาดจนคอเกือบขาดและลูกตาข้างซ้ายถูกควักออกจากเบ้าตาจน พบมีดของกลางเป็นมีดทำครัวอีโต้และมีดปลายแหลมรวม 2 เล่มอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และประสานตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาทำการตรวจสอบ
จากการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่าก่อนเกิดเหตุร้านดังกล่าวเปิดเป็นร้านกาแฟตามปกติและต่อมา น.ส.ภัทรดา ได้ไปเช่าจากเพื่อนเพื่อจะปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารบริการลูกค้า แต่ก่อนที่จะปรับปรุงร้านก็ ได้ไปรับบิดาซึ่งป่วยเป็นโรคอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ต้องนอนอยู่กับที่นอน โดยให้มารดาอยู่เฝ้า ส่วนตัวเองออกไปทำธุระข้างนอน กระทั่งช่วงบ่ายได้กลับที่ร้านก็พบนายเปรมนอนเสียชีวิตในสภาพดังกล่าว จึง รีบแจ้งเพื่อนบ้าน และตำรวจให้มาตรวจสอบ และพบว่านางนภาพรอยู่ในอาการไม่ปกติโดยเหม่อลอย และมีอาการตกใจเล็กน้อย เมื่อสอบถามได้ความว่ามีประวัติป่วยด้วยอาการทางจิตมาก่อนจึงให้ น.ส.ภัทรดา ได้ดูแลอาการอย่างใกล้ชิดจากนั้นนำตัวส่ง สภ.บ้านดู่ เพื่อตรวจสอบหลักฐานอาการป่วยตามขั้นตอน
พ.ต.อ.สิทธิชัย กล่าวว่าเบื้องต้นสันนิฐานการเสียชีวิตในครั้งนี้ว่าเกิดจากการที่ภรรยาใช้มีดเป็นอาวุธฆ่าสามีของตัวเองจนเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด และตรวจสอบ ประวัติของนางนภาพรเกี่ยวกับอาการป่วยอีกครั้งเพราะเบื้องต้นยังอยู่ในอาการตกใจและไม่สามารถพูดจาได้ตามปกติ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.