วันที่ 25 มิ.ย.61 ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หมู่บ้านจ้องวัด หมู่ 9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายภาสกร บุญลักษณ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการ เหตุการณ์ช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าจำนวน 12 คน และโค้ชอายุ 25 ปีจำนวน 1 คน รวม 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้แถลงผลการ ปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่หลังจากได้มีการส่งทีมค้นหาชุดใหม่เข้าไปอีกในช่วงเวลาประมาณ 15.45 น.และสำรวจพบปล่องด้านบนภูเขาระหว่างเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มเด็กๆ เดินหนีน้ำไป
โดยนายภาสกรระบุว่าศูนย์เปิดขึ้นตามพระราชบัญญัติบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการแต่เนื่องจากนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ติดภารกิจจะ กลับไปถึง จ.เชียงราย ในช่วงเย็นตนจึงทำหน้าที่ผู้บัญชาการและจะให้ข้อมูลผ่านทางศูนย์ เพื่อให้ข้อมูลจากทุกฝ่ายสอดคล้องกันเนื่องจากที่ผ่านมาเกิดข่าวสารไปต่างๆ นานา และบางข่าวทางผู้บริหารไม่ได้ออก มาระบุก็มีการเผยแพร่จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
นายภาสกร เปิดเผยว่าการปฏิบัติการล่าสุดนั้นหลังจากหน่วยงานต่างๆ จัดระบบอำนวยความสะดวกในการค้นหาแล้วเสร็จแล้วทางหน่วยซีลของกรมรบพิเศษที่ 1 ทหารเรือ ได้เข้าไปปฏิบัติการค้นหาและได้พบ โพรงถ้ำขนาดใหญ่ภายในระยะทางจากปากถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นได้ดำผ่านจุดที่คาดว่าเด็กๆ จะผ่านปากโพลงเข้าไปจนสำเร็จโดยเป็นหน่วยแรกที่ทำได้ซึ่งหน่วยนี้ได้สำรวจภูมิประเทศนานประมาณ 30 นาที จากนั้นได้กลับออกมาแล้วก็ได้มีการส่งชุดสนับสนุนชุดที่ 2 เข้าไป เพราะเราต้องการให้ชุดแรกที่เข้าไปและชุดอื่นๆ สามารถประสานงานกันได้
นายภาสกร กล่าวว่าจากการสอบถามหน่วยที่เข้าไปสำรวจดังกล่าวทราบว่าพื้นที่ภายในถ้ำไม่ราบเรียบโดยมีความสูงและต่ำรวมทั้งบางจุดต้องดำผ่านน้ำ และลุยน้ำ ทำให้ทางศูนย์จึงได้จัดเครื่องสูบน้ำเข้าไปสนับ สนุนหน่วยปฏิบัติการภายในถ้ำแล้วจำนวน 4 เครื่อง แต่เนื่องจากพบว่าฝนตกลงมาและระดับน้ำภายในถ้ำได้สูงขึ้นทำให้เกิดข้อกังวลเช่นกันเพราะเราต้องทำงานแข่งกับเวลา ขณะที่การเข้าไปมีความยากลำบาก ต้องใช้ถังอ๊อกซิเจนและความสามารถ
“หากว่าได้พบผู้ประสบเหตุข้างในก็คงต้องเอาคนแข็งแรงออกมาก่อน จากนั้นจะสถานปนา บก.(กองบังคับการ) ภายในถ้ำก่อนเพื่อช่วยเหลือเรื่องการดำรงค์ชีพ เช่น ส่งน้ำ อาหาร แล้วจึงทะยอยนำตัวออกมาให้ เร็วที่สุดต่อไป ก็ต้องรอความหวังว่าจะพบเจอคนแรกให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อจะได้เร่งช่วยเหลือต่อไป” นายภาสกร กล่าว
สำหรับจุดที่คาดว่าเด็กๆ ได้เข้าไปยังคงเป็นจุดเดิมคือสามแยกและมีโพรงเข้าไปภายในโดยมีน้ำท่วมเป็นแอ่งใหญ่ โดยพบรอยมือและเท้ารวมทั้งสิ่งบ่งชี้อื่นๆ จึงเชื่อมั่นว่ายังคงมีชีวิตอยู่ จากการสอบถามคนท้อง ถิ่นและนักสำรวจชาวต่างชาติที่เคยเข้าไปพบว่าเส้นทางที่เด็กเดินเข้าไปจากโพรงมีความไกลประมาณ 7 กิโลเมตร นั้นเป็นทางตันที่ไม่มีทางออก และเมื่อคำนวนจากระยะเวลาค้นหารวมทั้งหน่วยซีลได้เดินติดตาม เข้าไปตามเส้นทางแล้วกลุ่มเด็กๆ จะอยู่ห่างจากหน่วยที่ค้นหาประมาณ 2 กิโลเมตร แต่เป็นระยะทางภายในถ้ำที่คดเคี้ยวและไม่ใช่ทางราบเรียบจึงต้องใช้ระยะเวลาในการเดินสำรวจเข้าไปอย่างต่อเนื่องแต่ก็เชื่อ ว่าเด็กๆ ยังคงอยู่ได้เพราะเป็นนักกีฬาและมีทักษะร่างกายก็แข็งแรง
นายภาสกร กล่าวด้วยว่าขณะเดียวกันทางกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) 32 ได้นำเฮลิคอปเตอร์ออกบินสำรวจภูมิประเทศด้านบนวนอุทยานแล้วและจากการสอบถามผู้นำท้องถิ่นก็ทราบว่าจุดดัง กล่าวมีปล่องที่อยู่ระหว่างทาง 7 กิโลเมตรนั้นด้วยเช่นกันซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีความสูงจากพื้นถึงปากปล่องประมาณ 70 เมตร ทำให้เจ้าหน้าที่กำลังหาวิธีการเพื่อติดต่อสื่อสารกับคนภายในถ้ำและให้การช่วย เหลือต่อไปสำหรับการนำออกมาจากถ้ำกรณีพบตัวนั้นไม่มีปัญหาเพราะเจ้าหน้าที่มีวิธีการเพื่อให้อ๊อกซิเจนและนำผ่านร่องน้ำที่ขวางกั้นได้อยู่แล้วรวมทั้งมีการนำเครื่องสูบน้ำเข้าไปเพื่อพล่องน้ำให้ลดลงเตรียมเอาไว้แล้ว
และจนกระทั่งเวลา 17.30 น.ชุดปฏิบัติการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ชุดที่สองได้ขึ้นมาจากถ้ำรายงานพบรอยเท้าและสายผูกเปลของกลุ่มเด็กที่สูญหาย 13 คน โดยสภาพภายในถ้ำระดับขึ้นสูง จนชนเพดานและมือสนิท สภาพน้ำขุ่นมากไม่สามารถมองเห็นระยะ 1 เมตรได้ ภายในถ้ำมีอากาศหนาวเย็น ออกซิเจนมีน้อย โอกาสริบหรี่เต็มทีเนื่องจากผ่านไปกว่า 36 ชั่วโมงและผู้สูญหายยังไม่ได้รับน้ำและ อาหาร
ร.อ.บูรศักดิ์ บุตรเนียม หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล เปิดเผยว่า ชุดปฏิบัติการได้สำรวจไปถึงโถงที่สามจากปากถ้ำซึ่งมีระยะทาง 3 กิโลเมตรไปถึงสามแยกซ้ายและขาว โดยได้มุ่งไปทาง ทิศใต้อีกประมาณ 300 เมตรจากสามแยก ซึ่งเป็นเนินดินที่สูงพ้นระดับน้ำของถ้ำ ได้พบรอยเท้าจำนวนมากและเชือกสายผูกเปลคาดว่าจะเป็นของผู้ประสบเหตุ แต่เนื่องจากสภาพภายในถ้ำมีระดับน้ำสูงขึ้นอยู่ เรื่อยๆจนเกือบชนเพดานเฉลี่ยชั่วโมงละ 5 เซนติเมตร อุณหภูมิภายในถ้ำหนาวเย็น น้ำมีสีขุ่นไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะใกล ประกอบกับออกซิเจนภายในถ้ำมีน้อยทำให้ชุดปฏิบัติการค่อนข้างเหนื่อยง่าย การปฏิบัติการมีความเสี่ยงอันตรายมาก จึงได้ยุติการปฏิบัติการค้นหาต่อเพื่อสับเปลี่ยนกำลัง
ทางด้านนายภาสกร บุญญลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายถ้ำหลวงนางนอน เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงแพราะมีระดับน้ำเพิ่มสูง ขึ้นอยู่ตลอดเวลา พื้นที่จึงมีระดับสูงต่ำเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ค้นหา จึงต้องประเมินใหม่รายชั่วโมง และอยู่ในระหว่างประชุมปฏิบัติการกับหน่วยงานที่ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการค้นหาผู้ สูญหายถ้ำหลวงนางนอน ที่ทำการอุทยานดอยหลวงนางนอน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.