หลายหน่วยงานร่วมถอดบทเรียนเหตุการณ์ถ้ำหลวง หาแนวทางป้องกัน รับมือในอนาคต

6

เวลา 09.00น.วันที่ 8 ส.ค.61 ที่ห้องประชุม โรงแรมโพธิ์วดล ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย พลตรี สายัณห์ เมืองศรี ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 34 พลตรี บลัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 นายกอบชัยน บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรกัษ์ที่ 15 นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันเสวนาการถอดบทเรียนภายหลังการปฏิบัติงาน การค้นหา กู้ภัย และช่วยเหลือ ผู้สูญหายบริเวณ วนอุยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน โดยมีผู้ปฏิบัติงาน สื่อมวลชนที่ร่วมทำข่าวในพื้นที่ และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยการถอดบทเรียนครั้งนี้จัดขึ้น 2 วันคือวันที่ 8 – 9 ส.ค. เพื่อหารือและแบ่งกลุ่มในการถอดบทเรียนให้ได้ประโยชน์สูงสุด

 

นายภาสกร กล่าวหลังจากปฏิบัติการครั้งนี้แล้วเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็แทบจะไม่ได้พบกันพร้อมหน้าเช่นนี้อีกจึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการจะร่วมกันถอดบทเรียน สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นภัยพิบัติระดับ 2 ที่จังหวัดสามารถดำเนินการได้โดยระดับ 1 คือระดับอำเภอ ระดับ 2 คือระดับจังหวัด ระดับ 3 ระดับกระทรวงมหาดไทย และระดับ 4 รัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรีจะบัญชาการเอง แต่เนื่องจากภัยครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและมีผู้ระดมกำลังเข้าสนับสนุนภารกิจจำนวนมากจึงต้องจัดตั้งศูนย์บัญชาการสั่งการ จ.เชียงราย แบ่งภารกิจ จัดระเบียบ จึงทำให้ภารกิจบรรลุเป้าหมายมาได้ดังนั้นจึงถึงเวลาต้องถอดบทเรียนเพราะคนทั้งโลกต้องการรู้ว่าประเทศไทยเราบริหารเหตุการณ์นี้อย่างไร

 

ซึ่งการถอดบทเรียนครั้งนี้ เพื่อเป็นการทบทวนเพื่อวิเคราะห์ ผลที่ได้หลังจากการปฏิบัติงาน ว่าสาเหตุของการเกิดเหตุคืออะไร ในระหว่างเกิดเหตุมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีการปฏิบัติงานในด้านใดบ้าง และหากเกิดเหตุในกรณ๊ลักษณะเดียวกันอีกครั้งจะสามารถดำเนินการให้ดีกว่าเดิมได้อย่งไร โดยเอาข้อมูลการปฏิบัติงานทั้งที่สำเร็จและล้มเหลว รวมถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาระดมสมองร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่ามีหน้าที่ ภาระกิจในการปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อนำมาซึ่งการการพัฒนาต่อยอด หรือปรับปรุง ในการปฏิบัติงานในอนาคต เพื่อให้เกิดความมีส่วนร่วมในบททบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น

 

โดยเป้าหมายของการถอดบทเรียนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประมวลองค์ความรู้เทคนิค วิทยาการสมัยใหม่ จากหน่วยงาน องค์กรทั้งใน และต่างประเทศ ที่นำมาใช้หรือประยุกต์ใชในเหตุการณ์ การนำข้อมูลท่ได้รับมาประมวลผลวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบ โครงสร้างแนวทางการจัดการเหตุการณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถพัฒนาระบบที่ทำให้หน่วยงานมีการปฏิบัติร่วมกันได้อย่างราบรื่น สามารถลำดับเหตุการณ์ และพัฒนาการของเหตุการณ์ หน่วยงานที่จะเข้ามาฏิบัติงาน แผนเผชิญเหตุ การแก้ไขปัญหา กระบวนการตัดสินใจที่สำคัญต่อความสำเร็จของเหตุการณ์ ให้เป็นขอมูลที่สามาราถนำไปศึกษาค้นกคว้า ได้ในอนาคต

 

 

นายกมลไชย กล่าวว่ากรมอุทยานแห่งชาติฯ มีกำหนดจะปิดถ้ำตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแต่เด็กๆ ทั้ง 13 คนเข้าไปก่อนล่วงหน้าเพียง 7 วัน ขณะที่ถ้ำหลวงไม่เคยมีการสำรวรจทางวิชาการอย่างเป็นทางการมาก่อน ที่ผ่านมาแผนที่ภายในได้จากคำบอกเล่า หรือนักสำรวจทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เคยเข้าไปแล้วเขียนแผนผังคร่าวๆ ว่ามีห้องโถง มีช่องต่างๆ อย่างไร ส่วนโพรงหรือปล่องด้านบนก็ล้วนมาจากเรื่องเล่าจากชาวบ้านทั้งสิ้น โดยส่วนตัวผมเคยเข้าไปลึกประมาณ 700-800 เมตรก็รีบออกมาเพราะอากาศภายในมีน้อย

 

 

“ผลสรุปพบว่ามีปล่องด้านบนถ้ำนับ 100 ปล่อง แต่ที่เป็นไปได้มีจำนวน 24 ปล่อง และลึกที่สุดคือประมาณ 400 เมตร ทีมค้นหารังนกที่เข้าไปสนับสนุนภารกิจได้โรยตัวลงไปได้จากนั้นก็มีช่องคดเคี้ยวต่อไปได้อีกแต่ก็ตันไม่สามารถไปถึงช่องถ้ำได้โดยใช้เครื่องมือจีพีเอสตรวจพบว่าต้องขุดจาะอีก 800 เมตรซึ่งเป็นไปไม่ได้จึงได้ยกเลิกภารกิจการเจาะไป นอกจากนี้ผลการตรวจด้านบนยังพบห้วยน้ำดั้น ห้วยมะกอก ซึ่งบางจุดมีช่องหินที่น้ำกว่า 50% ที่ไหลลำห้วยได้หายไปในช่องหินแล้วมุ่งตรงไปยังโพรงถ้ำด้านในจึงเกิดปฏิบัติการทำท่อน้ำให้ไหลพ้นช่องดังกล่าวเพื่อพร่องน้ำภายในถ้ำ” นายกมลไชย กล่าว

 

 

พล.ต.สายัณห์ กล่าวว่าจุดที่เด็กๆ ติดอยู่ในถ้ำลึกจากด้านบนกว่า 1,300 เมตรหรือ 1 ไมล์กว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือไม่สามารถเชื่อมปล่องด้านบนกับช่องถ้ำที่ลึกดังกล่าวได้ขณะที่ปริมาณน้ำช่วงระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย.พบว่ามีปริมาณ 90 มิลลิเมตรรวมกันแล้วมีมวลน้ำกว่า 270,000 ลูกบาศก์เมตรทะลักเข้าไปในถ้ำก่อนเด็กๆ จะเข้าไปและจากการสแกนจากด้านบนพบว่าลึกลงไปประมาณ 100 เมตรก็เต็มไปด้วยโพรงน้ำและน้ำที่ไหลผ่านไปถึงปลายเขาเหลือแค่ 10% ที่เหลือไหลลงโพรงเหล่านี้มุ่งตรงไปยังถ้ำ จนกระทั่งวันที่ 25-27 มิ.ย.พบว่าปริมาณฝนมากถึง 119 มิลลิเมตร ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มเป็น 320,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้เด็กๆ ติดอยู่ในถ้ำออกมาไม่ได้ และหน่วยที่ดำเข้าไปค้นหาก็ต้องถอนกำลังออกเพราะปริมาณน้ำดังกล่าวทะลักท่วมออกมาถึงปากถ้ำ

 

 

การเสวนาครั้งนี้ได้หยิบยกประเด็นกรณีเด็กๆ ภายในถ้ำได้ยินเสียงสุนัขและไก่ขันช่วงที่ติดอยู่ที่เนินนมสาวห่างจากปากถ้ำกว่า 3.7 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่สามารถสรุปให้ชัดเจนโดยทางจังหวัดระบุว่าภายหลังได้รับแจ้งก็ให้ทางองค์กรส่วนท้องถิ่นทดลองเปิดเสียงเพลงภายนอกเป็นเพลงแตกต่างกันในจุดที่แตกต่างกัน เพื่อจะได้สอบถามเด็กๆ ว่าได้ยินเสียงเพลงดังกล่าวจากจุดใดแต่ปรากฎว่าไม่มีใครได้ยินเสียง แต่เมื่อสามารถช่วยเด็กๆ ออกมาได้แล้วสอบถามก็ทราบว่ากลับได้ยินนกหวีดและเสียงคนพูดคุยกัน ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้สรุปข้อมูลทั้งหมดให้แล้วเสร็จในเดือน ส.ค.นี้และจัดทำเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.