วันที่ 25 ธ.ค.61 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ชาวบ้านใน ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย รวมตัวกันประมาณ 50 คน ได้เดินทางมาเพื่อหนังสือร้องทุกข์ต่อ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หลังจากมีบุคคลได้ทำเรื่องขอออกเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณจุดที่เคยเป็นฝายกั้นน้ำห้วยปู พื้นที่หมู่บานผาตั้ง หมู่ 6 ต.ป่าตึง ซึ่งบ้านอ้างว่าเป็นที่สาธารณะ เคยเป็นฝายกั้นลำน้ำห้วยปูและเคยใช้ประโยชน์ร่วมกันในอดีตแต่ในปัจจุบันได้มีการย้ายฝายดังกล่าวไปกั้นแม่น้ำจันที่อยู่ใกล้กันทำให้เกิดเป็นที่ดินงอกทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำและได้มีผู้ขอให้เจ้าพนักงานที่ดิน สาขา อ.แม่จัน เข้าทำการรังวัดไปเพื่อออกเอกสารสิทธิ์
นายสมศักดิ์ ใจอยู่ ประธานผู้ใช้น้ำแม่จัน นายสมศักดิ์ มงคลดี ฝ่ายกฎหมายของกลุ่มชาวบ้าน และแกนนำชาวบ้าน ได้นำป้ายเรียกร้องข้อความต่างๆ มาร้องเรียนมีข้อความเช่น “ประเทศกูมีออกโฉนดทับที่เหมืองฝายสาธารณสมบัติของแผ่นดิน” “พวกเราชาวนาขอพึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเราชาวนา” เป็นต้น
ต่อมานายลิขิต มีเสรี ผู้อำนวยการสำนักงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย พ.อ.สมพงศ์ อุ่นใจ สัสดี จังหวัดเชียงราย ได้เข้ารับเรื่องจากชาวบ้านซึ่งได้ยื่นหนังสือมีเนื้อหาว่าปัจจุบันได้มีเอกชนรายหนึ่งได้ทำเรื่องถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้ทำการรังวัดที่ดินเพื่อออกเป็นเอกสารสิทธิ์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมาโดยช่วงระยะเวลา 90 วันนี้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยสามารถคัดค้านได้ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.2561-วันที่ 7 ม.ค.2562 ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยทำเรื่องคัดค้านไปและถึงขั้นไปยื่นต่อศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่จัน แต่พบว่าทางอำเภอก็ไม่ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงดังนั้นจึงพากันเดินทางมาร้องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ดังกล่าว
นายสวัสดิ์ กล่าวว่า พวกเราร้องทุกข์ไปยังทางอำเภอจนนายอำเภอสับเปลี่ยนไปรับประจำตำแหน่ง อำเภออื่นตามวาระแล้ว 3 คน แต่ก็ยังมีการเข้าไปรังวัดที่ดินที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่สาธารณสมบัติอยู่ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็เป็นถึงอดีตประมงจังหวัด ทำให้ชาวบ้านร้อนใจเกรงว่าจะสูญเสียที่ดินของส่วนรวมไปจึงพากันเรียกร้องขอความเป็นธรรมมาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันก็หวังว่าทางจังหวัดจะเข้าไปตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการออกเอกสารสิทธิ์ได้ดังกล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่าที่ดินดังกล่าวเดิมเคยมีแม่น้ำจันไหลผ่านและมีฝายกั้นน้ำห้วยปูซึ่งชาวบ้านหลายตำบลใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรนับพันครัวเรือน ต่อมาปี 2542 มีการย้ายฝายขึ้นไปด้านบนในเขตแม่น้ำจันในปัจจุบันเพราะเจ้าหน้าที่สร้างฝายเห็นว่าน้ำจะกัดเซาะทำให้ชาวบ้านได้รวบรวมเงินทองกันซื้อที่ดินเพื่อสร้างฝายแห่งใหม่ ส่วนแห่งเก่าก็เป็นที่สาธารณะเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ปัจจุบันเมื่อขุดลงไปในดินก็ยังเห็นร่องรอยของฝายเก่าอยู่ แต่ปรากฎว่าได้มีผู้ขอรังวัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินเป็นบริเวณกว้างซึ่งกรณีเป็นที่ที่ของตัวเองนั้นชาวบ้านไม่เดือดร้อนแต่ปรากฎว่าได้ล้ำเข้าไปในเขตที่เคยเป็นฝายกั้นน้ำเดิมดังกล่าว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.