Q. อะไรทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียนคะ กรณีที่คุณครูก็เข้าใจและดูแลสนใจเด็กดี แต่เด็กยังร้องไห้ไม่อยากไป เป็นเพราะอะไรและพ่อแม่จะทำอะไรได้บ้างคะ?
A. เรื่องไม่อยากไปโรงเรียนสามารถมองได้ 2 แบบ
แบบแรกคือ มองแบบไม่คิดมาก (ภาษาวิชาการว่าวิเคราะห์ ในระดับปรากฏการณ์) เด็กเล็กไม่อยากไปโรงเรียน เพราะโรงเรียนไม่น่าไปจริงๆ ครูดุ ที่นอนแย่ เรียนหนัก เพื่อนรังแก ทั้งหมดนี้จะว่าเด็กเล็กคิดไปเองก็ใช่ จะว่าเป็นเรื่องจริงก็ใช่ เรื่องยากคือแล้วจะให้พ่อแม่ทำอย่างไร
ถ้าพ่อแม่มีหลักฐานชัดเจนว่าครูดุ ที่นอนแย่ เรียนหนัก เพื่อนรังแก เช่นนี้ก็เปลี่ยนโรงเรียน ส่วนใหญ่เปลี่ยนหนึ่งครั้งไปสู่โรงเรียนที่ครูใจดีมากกว่า ที่นอนดีกว่า เล่นมากกว่า ไม่มีขาใหญ่ เด็กทั่วไปก็สามารถปรับตัวได้ แต่ถ้าเปลี่ยนสองโรงเรียนแล้วเด็กเล็กยังไม่อยากไปโรงเรียนอยู่ดี พ่อแม่ก็ควรสรุปบทเรียนได้ว่าปัญหาอยู่ที่ลูกของเราแน่ๆ ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน
อันที่จริงปัญหาน่าจะอยู่ที่ลูกของเราตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเด็กอีกสามร้อยคนเขาไปได้ไม่มีปัญหา ทำไมลูกของเราไม่อยากไป แต่ข้อสรุปแบบนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียวด้วยเหตุผลเดิมๆคือเด็กแต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน ถ้าลูกของเราไปด้วยกันกับโรงเรียนนี้ไม่ได้มิใช่แปลว่าใครผิด ให้แปลว่าลูกของเราไม่เข้าขากับโรงเรียนก็พอ อีกประการหนึ่งคือต่อให้เด็กเล็กคิดไปเองก็จริงแต่อะไรที่เขาคิดพ่อแม่ก็ต้องใส่ใจวันยังค่ำ ตัวอย่างคลาสสิกคือเวลาลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ลำเอียง ความจริงจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ลูก “รู้สึก” แล้วว่าพ่อแม่ลำเอียง พ่อแม่ต้องใส่ใจความรู้สึกของเขา มิใช่ไปนั่งวิเคราะห์ว่าตนเองลำเอียงหรือเปล่า ในทำนองเดียวกัน ลูกของเรา “ไม่ชอบ” โรงเรียนนี้แล้ว เราควรใส่ใจที่ความรู้สึกของเขาเป็นสำคัญ
แบบที่สองคือแบบคิดมาก (ภาษาวิชาการว่าวิเคราะห์ในระดับจิตวิทยาพัฒนาการ) เด็กเล็กที่ไม่อยากไปโรงเรียน (รวมทั้งเด็กโตด้วย)เราเรียกว่า school refusal แปลว่าปฏิเสธโรงเรียน สมัยโบราณเรียกว่าschool phobia แปลว่ากลัวโรงเรียน คำทั้งสองสื่อนัยผิดพลาดเพราะไปโฟกัสที่โรงเรียน ที่จริงแล้วเราเชื่อว่าเด็กกลัวการไปจากบ้านเสียมากกว่า ระบุให้เฉพาะเจาะจงว่าเด็กกลัวการไปจากคุณแม่ เรียกว่ากลัวการพลัดพรากคือ separation anxiety
เด็กเล็กกลัวการพลัดพรากจากแม่เพราะภาพคุณแม่ในใจเขายังไม่มั่นคง ไม่ชัด ไม่เสถียร การจากไปโรงเรียนไม่เห็นแม่หนึ่งวันกลายเป็นเรื่องน่ากลัว แม่อาจจะหายไป แม่อาจจะหายตัว แม่อาจจะไม่กลับมาอีก พูดง่ายๆว่าความมีอยู่จริงของแม่ไม่ constant (นี่ขนาดพูดง่ายๆนะเนี่ย)
สาเหตุเกิดจากแม่ยังเลี้ยงไม่มากพอ อย่าลืมว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม่บ้านนั้นเลี้ยงลูกด้วยตนเองวันละ 2 ชั่วโมงอาจจะพอเป็นเรื่องของลูกบ้านนั้น แต่ลูกของเราต้องการเราวันละ 8 ชั่วโมงก็แปลว่า 8 ชั่วโมง ถ้ายังอยากได้ลูกไว้ ก็ให้เวลาและปริมาณความรักความอบอุ่นแก่เขาให้มากขึ้นเสียดีๆ
ส่วนการแก้ปัญหาคืออย่างไรเด็กเล็กทุกคนปรับตัวได้แน่ๆ การยืนยันให้ลูกไปโรงเรียนทุกวันแม้ลูกจะไม่ชอบเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่เราควรไปคุยกับครูให้รู้เรื่องถึงความไม่พร้อมของลูกของเราด้วยเช่น ช่วงแรกอาจจะให้ไปครึ่งวัน การนัดหมายไปรับที่โรงเรียนตอนเลิกเรียนต้องชัดเจนและตรงเวลาเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกว่าเรามาแน่ๆ
อย่างไรก็ตามพ่อแม่ต้องพิจารณาตัวเองว่าที่ผ่านมาเราให้เวลาแก่เขามากพอหรือยัง
ที่มา : women.sanook
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.