วันที่ 12 มี.ค.62 ที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่าตั้งแต่ช่วงเช้าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5 สูงถึง 146 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าพีเอ็ม 10 วัดได้ 193 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพติดต่อกันเป็นวันที่ 2 และคุณภาพอากาศที่แย่ลงกว่าเดิมอย่างมาก ขณะที่ในเขต อ.เมืองเชียงราย ซึ่งห่างจากชายแดนเข้ามาประมาณ 60 กิโลเมตร พบว่ามีค่าพีเอ็ม 2.5 วัดได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพีเอ็ม 10 วัดได้ 97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่อำเภอแม่สาย ที่เดินทางออกมานอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และหมอกควันก็ไม่ถึงที่สวมแว่นตาเพื่อป้องกันฝุ่นมันเข้าตา โดยสภาพบรรยากาศเห็นได้ชัดว่ามีหมอกควันปกคลุมทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง แม้ว่าเมื่อวานนี้จะมีการฉีดพ่นละอองน้ำตามจุดต่างๆ 5 จุดในเขตพื้นที่อำเภอแม่สายก็ตาม
ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ประกาศใช้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่าและการเผาในที่โล่ง จ.เชียงราย ปี 2561-25562 ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.โดยห้ามไม่ให้มีการเผาโดยเด็ดขาดอย่างเข้มงวดและมีการออกฉีดพ่นน้ำตามจุดสำคัญเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่เกิดการเผาจนกลายเป็นจุดความร้อนมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่ เกิดการเผาในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นการเผาพื้นที่ทางการเกษตรเป็นบริเวณกว้าง
โดยเมื่อช่วงหัวค่ำขอบวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมามีการตวจพบการเผาบริเวณบ้านสามปี จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงกันข้ามบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ห่างจากชายแดนไทย ประมาณ 1.5 กิโลเมตรซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไทยได้เฝ้าสังเกตุการณ์และคาดว่าไม่ลุกลามมาใกล้ชายแดน ขณะที่ทางคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่นหรือทีบีซีฝ่ายไทย ได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังทีบีซีฝ่ายประเทศเมียนมาเพื่อขอให้มีการดูแลเรื่องการเผาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
//////////
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.