มฟล.เปิดโต๊ะ เป็นตัวกลาง หาทางแก้หมอกควัน

31

ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นวันแรกที่กลับมามีการเรียนการสอนตามปกติ หลังจากที่ประกาศปิด ในวันที่ 1 -2 เม.ย.62 เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครกรัม หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตราฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยในวันนี้ทางมหาวิทยาลัยได้มีการเปิดการเสวนาในหัวข้อ “MFU Voice for Clean Air” เพื่อร่วมหาแนวทางแก้ปัญหาหมอกควันทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมีผู้ร่วมเสวนาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงราย

โดยการเสวนาครั้งนี้มี รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธาน โดยมี เจ้าหน้าที่จากฝ่ายต่างๆ ทั้งสาธารณสุข ความมั่นคง ด้านสิ่งแวดล้อม จากกรมควบคุมมลพิษ รวมไปถึงด้านเศรฐกิจ เข้าร่วมในการให้ข้อมูลเสวนา และมีการเปิดให้ผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนาได้เสนอข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงราย

รศ.ดร.วันชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า ปัญหาควันพิษไฟป่าเป็นปัญหานานกว่า 10 ปี ได้เห็นความพยายามในการแก้ปัญหา ในฐานะที่มีทั้งนักศึกษานับหมื่นคน และ บุคลากร ชาวบ้านที่อยู่รอบมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นต้องเข้ามาหาแนวทางในการช่วยแก้ไขปัญหา เบื้องต้นได้เปิดห้องคลีนรูม 24 ชั่วโมง ให้นักศึกษา เข้าไปสูดอากาศที่บริสุทธิ เพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้น ซึ่งการหยุดเรียนที่ไม่เกิดผลดี และปัญหาควันพิษไม่ใช่เป็นปัญหาของเชียงราย ไม่ใช่ปัญหาภาคเหนือ แต่เป็นปัญหาทั้งภูมิภาค ซึ่งจากนี้พร้อมทำจดหมายถึงเลขาธิการอาเซียน และ ประธานอาเซียน คือ นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องรับเรื่องนี้ไปดำเนินการ

นาย เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่า ในเชียงรายปีนี้หนักมาก จุดความรัอนฮอตสปอต Hot Spot พุ่งสูงมากกว่า 2 เท่า จากปีที่แล้ว โดยที่ อ.แม่สายพบว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างเยอะ แต่ในตัวเมืองเชียงรายไม่ได้มาจากเพื่อนบ้านกลับมากจากจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งต้องวางแนวทางในการแก้ปัญหา สำหรับการแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนจุดไฟเผาป่า เกิดจากคนนอกประเทศ แต่ต้นเหตุเกิดจากคนไทยที่ไปลงทุนทางการเษตร อาจต้องคุยกับคนไทยที่ไปลงทุนในฝั่งพม่า ในการรับซื้อผลผลิตทางการเษตร และสร้างความเข้าใจ

ด้าน พ.อ.อุไร ศรีม่วงสุข หน.กองข่าว กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช กล่าวว่า การเกิดไฟป่านั้นเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์อย่างแน่นอน ซึ่งจากการที่ได้มีการลงพื้นที่แล้วพบว่ามี 2 สาเหตุ คือ สาเหตุแรก คือเกิดจากขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งอาศัยช่วงเวลานี้จุดไฟ เพื่อขับไล่เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ตามแนวชายแดน เพื่อจะได้ลำเลียงยาเสพติดเข้ามายังภายในประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ซึ่งทำการปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนพบปัญหานี้บ่อยครั้ง และ 2 เกิดขึ้นจากการเผาเพื่อทำการเกษตรของประชาชน รวมไปการเผาเพื่อสร้างความปั่นปวน เพื่อลดความเชื่อมั่นในฝ่ายเจ้าหน้าที่่ด้วย

 

ซึ่งในการเสาวนาครั้งนี้ได้มีหลายฝ่ายได้เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อจะทำให้จังหวัดเชียงรายปราศจากหมอกควันพิษและไฟป่า ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทำให้ชาวเชียงรายได้รับผลกระทบทั้งทางด้านสุขภาพ และส่งผลกระทบด้านการค้าการท่องเที่ยวของจังหวัดด้วย

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.