เชียงรายโควิดฯเป็น 0 ลุ้นผลป่วย-จนท.รพ.3ราย งดขายเหล้าถึงสิ้นเดือน

674

เวลา 15.00 น.วันที่ 14 เ.ม.ย. 63 ที่ห้องประชุมกาสะลองคำ สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าคณะทำงานสกัดกั้นโรคไว้รัสโควิด-19 จ.เชียงราย นายทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 พื้นที่ จ.เชียงราย

โดยตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.-14 เม.ย.นี้ ได้มีผู้เข้าเกณฑ์ระวังโรคดังกล่าวจำนวน 138 ราย ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 9 รายล่าสุดผู้ป่วยรายสุดท้ายซึ่งเป็นชายอายุ 20 ปี จากพื้นที่ อ.แม่สาย โดยมีอาการไม่รุนแรงไม่ต้องให้ยาต้านไวรัสและได้รักษาจนหายรวมทั้งให้รอดูอาการจนครบ 14 วันเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วโดยแพทย์ยืนยันว่าหายป่วยแล้วและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นแต่ก็ให้ปฏิบัติตนด้วยการอยู่แยกจากผู้อื่นและสวมหน้ากากอนามัยอีกอย่างน้อย 1 เดือน ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันของ จ.เชียงราย เป็น 0 แล้ว

ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่รอผลตรวจอีก 3 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่เอ๊กซเรย์และเจ้าหน้าที่ตรวจคัดแยกผู้ป่วยของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จำนวน 2 รายมีอาการเป็นไข้ และมีผู้ป่วยทั่วไปจากโรงพยาบาล อ.ขุนตาล จ.เชียงราย จำนวน 1 มีอาการปอดอักเสพรักษาตามอาการแล้วไม่หายจึงเข้าเกณฑ์ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลจะทราบในวันนี้ซึ่งทางคณะกรรมการฯ จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป นอกจากนี้ทางคณะกรรมการฯ ยังได้ประกาศมาตรการขยายระยะเวลาห้ามจำหน่ายสุราจากเดิมกำหนดตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย.นี้ก็ให้ขายไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้

นายประจญ กล่าวว่าตั้งแต่วันที่ 1-14 เม.ย.จ.เชียงราย ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมรวมระยะเวลา 2 สัปดาห์แต่ก็ยังคงมาตรการที่เข้มข้น แม้ว่าจะมีการประกาศจังหวัดไปแล้วจำนวน 10 ฉบับ และคำสั่งจังหวัดจำนวน 12 ฉบับ ยังคงมีผลอยู่โดยเฉพาะการปิดถนนสายรอง 7 สาย ปิดสถานที่เสี่ยง ส่วนการงดการจำหน่ายสุราเพราะเห็นว่าอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงในการรวมกลุ่มกันและควบคุมได้ยากด้วย โดยขอให้ดูแลเรื่องความสะอาดและผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงต้องกักดูอาการ 14 วันอย่างเข้มงวด

นายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่าหลังจากไม่พบผู้ที่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยงมาแล้วร่วม 2 สัปดาห์ ทาง จ.เชียงราย จึงจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบกลุ่มเสี่ยงในอีก 7 วันข้างหน้าเพื่อขยายผลไปยังกลุ่มญาติของผู้ป่วยทั้ง 9 รายเพิ่มเติมอีกประมาณ 1,000 คน พื้นที่ อ.แม่สาย อ.แม่จัน อ.เมืองว อ.เทิง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าพื้นที่ทั้งหมดปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งกรณีศึกษาผู้ป่วยทั้ง 9 รายของ จ.เชียงราย ที่ผ่านมาคือ 3 รายมีอาการปอดอักเสพจนต้องให้ยาต้านไวรัสแต่ไม่ถึงขั้นต้องใส่ท่อหายใจ ส่วนอีก 6 รายมีอาการน้อยจนไม่ต้องให้ยาต้านไวรัสใดๆ แต่ทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์รักษาจนหายและดูอาการตามมาตรฐานขอให้สังคมเข้าใจว่าคนเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายแน่นอน

นายภาสกร กล่าวว่าที่ผ่านมา จ.เชียงราย ได้ใช้มาตรให้อยู่บ้านเพื่อดูอาการผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่มีความเสี่ยง จำนวน 2,000 กว่าราย ส่วนใหญ่หมดระยะเวลา 14 วันแล้วคงเหลือเพียง 64 ราย และผู้มาจากต่างประเทศแล้วต้องกักตัวในสถานที่ที่กำหนดจำนวน 27 ราย ส่วนผู้ที่มาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีเกือบ 8,000 ราย และเหลือที่กักตัวไม่ครบ 14 วันอยู่เพียงประมาณ 1,311 กว่าราย และทั้งหมดจะหมดระยะเวลากักดูอาการ 14 วันตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.นี้ และหากพื้นที่ภายในจังหวัดปลอดโรคแล้วก็ยังคงเหลือการเดินทางเข้าไปเพิ่มเติมซึ่งกรณีของถนนสายต่างๆ ถือว่าควบคุมได้เพราะตั้งแต่มีการปิดเส้นทาง ก็มีผู้เข้ามาในจังหวัดน้อยลงโดยมีเพียงคนจีนที่เดินทางขาออกเพื่อกลับประเทศจีนสัปดาห์ละ 1 ครั้งในทุกวันเสาร์ ส่วนสายการบินภายในประเทศมีเพียงวันละประมาณ 40 คน ส่วนถนนเข้าสู่จังหวัด 4 สายมีผู้ใช้ถนนวันละประมาณ 3,000 คนโดยมาทางถนนพหลโยธินสายเชียงราย-พะเยา วันละประมาณ 1,000 ราย ถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ วันละประมาณ 500 ราย ส่วนไปทาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีรวมกันเพียงประมาณ 500 ราย ทำให้สามารถดูแลได้ทั่วถึง

 

นายแพทย์ไชยเวช กล่าวว่าแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเป็นศูนย์แต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะหากกลับสู่ความประมาทตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับหมื่นรายแล้วก็จะไม่สมารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเฉพาะเดือน พ.ค.ซึ่งจะมีผู้เดินทางกลับกันมากหากมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆลดลง โดยในช่วงระยะเวลา 2-3 สัปดาห์นี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้เตรียมบุคลาการ ซ้อมแผน จัดเตรียมอุปกรณ์ จัดสถานที่เพิ่มเติมจากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ไปยังโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) หรือโรงแรมบางแห่ง เพื่อรับมือกับไวรัสโควิดข19 ของ จ.เชียงราย โดยจำลองเหตุการณ์ว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ประมาณ 1,000 ราย เป็นผู้ป่วยไม่หนักจำนวน 800 ราย อาการหนัก 150 ราย หนักมาก 50 รายโดยในกรณีหนักมากประมาณ 30-50 รายต้องใช้ท่อช่วยหายใจ

แสดงความคิดเห็น

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.