วันที่ 5 มิ.ย.57 ที่อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย พล.ต.พัฒนา มาตร์มงคล ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย (กกล.รส.จทบ.ช.ร.) เป็นประธานในการจัดประชุมชี้แจงการดำเนินการต่อผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว การพาณิชย์ ใน จ.เชียงราย โดยมีการจัดให้นายทหารแจ้งประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีมาตามลำดับ และมีที่ปรึกษาได้บรรยายข้อกฎหมายและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหา
พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.เชียงราย ในฐานะที่ปรึกษา กกล.รส.จทบ.ช.ร.กล่าวว่า ภาคเอกชนสามารถให้ความร่วมมือได้ด้วยการแจ้งพนักงาน ลูกจ้างหรือติดป้ายตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ หลังจากที่ผ่านมามีผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนกฎอัยการศึกและข้อหาเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อความทางอินเตอร์เน็ต โดยต้องถูกส่งขึ้นศาลทหาร ส่วนกรณีการห้ามออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิวนั้นทาง กกล.รส.จทบ.ช.ร.ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ปิดก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้เวลากับผู้ไปเที่ยวยามค่ำคืนได้กลับทันแต่ก็มีหลายรายกลับปิดในเวลากระชั้นชิดทำให้มีผู้ถูกควบคุมตัวจำนวนมาก โดยช่วงแรกๆ มีมากนับ 100 คน ล่าสุดวันที่ผ่านมามีจำนวน 25 คน จึงจะมีการเชิญผู้ประกอบการให้ไปรับทราบแนวทางการดำเนินต่อไป
ด้านนายมนัส โสกันธิกา รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และ พล.ต.พรชัย ดุริยพันธ์ รอง ผอ.กอ.รมน.เชียงราย ในฐานะที่ปรึกษาชี้แจงกรณีการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปว่ามุ่งเน้นให้ประชาชนมีจิตสำนึกในการเป็นคนไทยร่วมกัน เคารพในชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ลดความหวาดระแวงและความขัดแย้งกัน วิธีการคือให้มีการทำประชาคมทุกหมู่บ้านใน 18 อำเภอของจังหวัดเนื้อหาให้ประชาชนแจ้งความต้องการ ข้ออึดอัดใจ ให้ดำเนินการในวันที่ 5 มิ.ย.เป็นต้นไป จากนั้นจะนำข้อมูลการพิจารณาแก้ไขปัญหาตามลำดับหากแก้ได้ในระดับ ตำบล อำเภอ ให้สามารถดำเนินการได้เลย หากไม่สามารถแก้ไขได้ในระดับนั้นให้ส่งเรื่องให้กับทาง กกล.รส.จทบ.ช.ร.เพื่อแก้ไข หรือหากมากกว่านั้นก็จะส่งให้กองทัพภาคที่ 3 และ คสช.ต่อไป โดยแนวทางคือเน้นความสามัคคีและบูรณาการทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พล.ต.พัฒนา มาร์ตมงคล กล่าวว่าที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาเรื่องความแตกแยกหนักและเกิดความไม่สงบ เมื่อไม่มีความสงบการประกอบการของภาคเอกชนก็ไม่ดีตามจึงจะเห็นได้ว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกันหมด ดังนั้นในครั้งนี้จึงมีการเชิญภาคเอกชนมารับฟังและแจ้งถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นและการจะดำเนินการในอนาคต ทั้งนี้เรื่องที่จะขอความร่วมมือคือการขอให้ตรวจสอบภาคในองค์กร ลูกจ้าง พนักงาน ที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองให้นำมาคืนเจ้าหน้าที่ก่อนวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เพราะหลังจากนั้นจะมีการกวาดล้างหนักรวมไปถึงกวาดล้างซุ้มมือปืน สินค้าหนีภาษี กลุ่มผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด
ส่วนกรณีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่ทาง คสช.ให้ไปรายตัวและหลบหนีอยู่นั้น การข่าวทหารแจ้งว่าได้หลบหนีอยู่ในพื้นที่ของ จ.เชียงราย โดยได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรๆ หนึ่งจึงแจ้งให้ได้ระมัดระวัง เพราะการให้การช่วยเหลือจะถือว่ากระทำผิดกฎหมายไปด้วย เช่นเดียวกับเรื่องการเขียนหรือโพสต์ข้อความต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ตซึ่งปรากฎพบมีการปลอมแปลงประกาศของ คสช.ในพื้นที่ จ.เชียงราย มาแล้ว ซึ่งการรับและนำไปเผยแพร่ต่อก็จะถือว่ามีความผิดไปด้วย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.