ธรรมนัส” มอบโฉนดที่ดิน ส.ป.ก. ให้กับคนขอนแก่น ย้ำชัดไม่เกินปี 2567 ต้องไร้ที่ดินเถื่อน ทุกครอบครัวจะต้องได้อยู่อย่างถูกต้องมีโฉนดเป็นของตัวเอง
เมื่อเวลา 14.00. น. วันที่ 3 ก.พ.2567 ที่วัดนามูลพุทธาวาส บ้านนามูล หมู่ 7 ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทยลงพื้นที่รับฟังปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ของสมาชิกสหกรณ์นิคมดงมูล และประชาชนทั่วไปที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติสร้างที่ทำกิน โดยได้มีการต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2533 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ได้เรียกร้องให้เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมโทรม ที่ไม่สามารถจะฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปีพ.ศ. 2513 และปีพ.ศ. 2517 และขอออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยคือโฉนด ตามกฏหมายที่ดินตามพระราชบัญญัติที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 ให้แก่เกษตรกรผู้ถือครองที่ดินอยู่ในปัจจุบัน
ท่ามกลาง บรรยากาศมีประชาชนให้การต้อนรับพร้อมกับถ่ายภาพร่วมกับ ร..ธรรมนัส อย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ก่อนจะพูดคุยทักทายและได้มอบโฉนดที่ดินส.ป.ก.จำนวน 5 โฉนดให้กับเกษตรกรทั้ง 5 ครอบครัวในพื้นที่ตำบลหนองกุงใหญ่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น และประกาศชัดบนเวทีว่า ในปี 2567 ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินจะต้องหมดไป และจะต้องเป็นโฉนดให้กับพี่น้องประชาชนได้ทำมาหากินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นที่ดินเถื่อน
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในพื้นที่อำเภอกระนวน 150,000 กว่าไร่ ที่เป็นพื้นที่สหกรณ์ดงมูล ซึ่งทางกรมส่งเสริมสหกรณ์เช่าจากกรมป่าไม้มา เพื่อจัดสรรให้พี่น้องประชาชนได้ทำกินกับ ซึ่งหมดสัญญาไปเมื่อปีพ.ศ. 2562 โดยในวันอังคารที่จะถึงนี้ ก็จะมีการประชุมโดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมป่าไม้ และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวอำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ในเรื่องที่ดินทำมาหากินโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้รับทราบปัญหาในเรื่องของราคายางพาราซึ่งในพื้นที่อำเภอกระนวนมีเกษตรกรที่ปลูกยางพารามีมากกว่า 30,000 ไร่ ซึ่งในส่วนนี้เองก็มีการแถลงข่าวโดยทางคณะรัฐมนตรีไปแล้วจากมีการปรับราคาขึ้นบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวสวนยาง และทางรัฐบาลก็จะผลักดันเพื่อให้ราคาสูงขึ้นต่อไป
“ในเรื่องที่ดินทำกินนั้นไม่ใช่เฉพาะสมาชิกสหกรณ์เท่านั้นแต่นิคมสหกรณ์ทั้ง 13 นิคม 14 ป่าไม้ 17 สหกรณ์ 12 จังหวัดทั้งสี่ภาค ซึ่งประสบปัญหาคล้ายๆกันโดยรัฐบาลได้ตั้งเป้าที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งซึ่งตนเองจะรับเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนให้เห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งการขับเคลื่อนนั้นก็จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถิติแห่งชาติ ในฐานะที่ตนตนเองเป็นรองประธานซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่าในระดับผู้บริหารโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นคู่กับกลับในการแก้ไขปัญหาจะสามารถแก้ไขไปได้อย่างดี และในเรื่องดังกล่าวนั้นยังมีเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องคือปัญหาการฟ้องร้องที่ดิน เนื่องจากเราจะจัดสรรให้พี่น้องประชาชนได้ทำผิดในรูปแบบของนิคมสหกรณ์ เมื่อหมดสัญญาก็ถูกกล่าวหาในการบุกรุกพื้นที่ ซึ่งในเรื่องนี้เองตนเองได้รับรับทราบปัญหาและจะเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว และจากการดูสภาพโดยรอบแล้วในพื้นที่ดังกล่าวนั้นไม่มีสภาพป่าแล้ว”
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.