ทางการลาวจับมือเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา นาย ปอ ทองจัน มะนีไช เจ้าแขวงบ่อแก้ว จ้าว เหว่ย ประธานคณะบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้เป็นประธานร่วมในการเปิดการประชุม การกำจัดกลุ่มแก๊งค์ ฉ้อโกง โทรคมนาคม (Call Center) ข้ามชาติ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีผู้แทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี, กระทรวงการวางแผนและการลงทุน, กระทรวงเทคโนโลยี และการสื่อสาร ,คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ แขวงบ่อแก้ว. คณะบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, นักลงทุนในพื้นที่, พ่อค้าแม่ค้า เข้าร่วมกว่า 300 คน

โดยนาย ปอ ทองจัน มะนีไช เจ้าแขวงบ่อแก้ว ได้รายงานต่อกองประชุม การกำจัดกลุ่มแก๊งค์ ฉ้อโกง โทรคมนาคม (Call Center) ข้ามชาติ เขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ ว่าปัญหาการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม มีผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรงและเป็นข้อแก้ตัวของประเทศตะวันตก และประเทศรอบข้าง สำหรับนักพัฒนาในเขตเศรษฐกิจพิเศษ แขวงบ่อแก้ว คณะบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อป้องกันปัญหาการฉ้อโกงโทรคมนาคมข้ามชาติ อย่างสมบูรณ์ และความร่วมมือของผู้พัฒนากลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำ

นาย จ้าว เหวีย ประธานคณะบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ กล่าวว่า คณะบริหาร และนักพัฒนากลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำ ได้ให้ความสนใจสนับสนุนงานต่างๆของรัฐบาลลาว เฉียบขาด และให้ความสำคัญกับการป้องกันการฉ้อโกงโทรคมนาคมข้ามชาติอย่างไม่หยุดยั้ง ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำ ให้ความร่วมมือ และมีส่วนร่วมในงานโฆษณาอย่างแข็งขัน ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย “ห้าม และ ลบล้างการฉ้อโกงโทรคมนาคม” พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในด้านวัตถุให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมอบผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก เขตเศรษฐกิจพิเศษ ยืนยันว่าจะกำจัดทั้ง 3 หมวดนี้จะถูกตัดออกโดยสิ้นเชิง คือ 1.การเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย 2.การฉ้อโกง โทรคมนาคม 3.ผู้หลบหนีหมายจับ

พลจัตวา วันทอน สุลิสัก รองหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความปลอดภัย ได้รายงานการดำเนินงานภายในเขตแต่ปี 2022 จนถึงตอนนี้ เพื่อตรวจสอบและลบล้างการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม, ปกป้องสิทธิมนุษย์ขั้นพื้นฐานของผู้ปฏิบัติหน้าที่, ลบล้างกลุ่มผิดกฎหมายกลับไปยังประเทศที่เกี่ยวข้อง

หลังจากการประชุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะเป็นผู้รับผิดชอบในการประสานงาน กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการต่อเพื่อกำจัดกลุ่มแก๊งค์ฉ้อโกง โทรคมนาคม(Call Center) เขตเศรษฐกิจพิเศษ สามเหลี่ยมทองคำ เฉียบขาด
1.ตั้งแต่วันที่ 9 – 25 สิงหาคม 2567 สำหรับบันดาหน่วยที่เคลื่อนไหวฉ้อโกง โทรคมนาคม(Call Center) หยุดเคื่อนไหวการฉ้อโกงโทรคมนาคม (Call Center) อย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับการรื้อถอนอุปกรณ์ทางเทคนิคที่ใช้ในการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม(Call Center) ออกจากอาคารทั้งหมด
2.เจ้าของกิจการ จะต้องรับผิดชอบต่อพนักงานในการจ่ายค่าจ้าง, อำนวยความสะดวก ในการเดินทางไปกับประเทศ เจ้าหน้าที่จะเพิ่มการติดตาม, การตรวจสอบอย่างเข้มงวด
3.หลังจากวันที่ 25 สิงหาคม 2024 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะเป็นเจ้าการประสานงาน ตั้งคณะกรรมการพิเศษ ดำเนินการตรวจสอบจับกุล่มบันดาหน่วยต่างๆให้มาดำเนินคดีและกฎหมายอย่างเคร่งครัด

โดยก่อนหน้านี้ในวันที่ 23 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ทาง กสทช.นำโดย วันที่ 23 ก.ค.67 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานนะรอง ศปอส.ตร ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย นรข.เขตเชียงราย กองกำลังผาเมือง  ฝ่ายความมั่นคง ได้ตรวจสอบการลักลอบนำสายสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ไปยังบริเวณพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ หรือ คิงส์โรมันอย่างผิดกฎหมาย ทั้งจาก ซิม สาย เสา และออกมาตรการเข้มงวดในการผ่านช่องทางตามช่องธรรมชาติ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนต่างชาติและคนไทย ลักลอบไปทำงานในแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในบริเวณพื้นที่รอยต่อที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยได้หารือกับ กสทช. และผู้ประกอบการมือถือรายใหญ่ทั้ง 3 ค่ายเพื่อแก้ไขปัญหาสัญญาณรุกล้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่กระจายลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน (คิงส์โรมัน สปป.ลาว) ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในทุกมิติ จึงลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผน รวมทั้งใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบการกระจายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ตามแนวตะเข็บชายแดนในบริเวณใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าตรวจสอบและติดตามการลักลอบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน เพื่อตัดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เป้าหมายนี้

แสดงความคิดเห็น