16 องค์กรภาคีเครือข่ายทางสุขภาพร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้าและปัจจัยเสี่ยง
วันที่ 20 มกราคม 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี 16 องค์กรเครือข่ายร่วมแถลงการณ์จุดยืนปกป้องเด็กเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้าและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆในสังคมปัจจุบัน ด้วยภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและปัจจัยเสี่ยงอื่น ซึ่งยิ่งนับวันยิ่งเพิ่มจำนวนและความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยจากการขับเคลื่อนงานในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้า ในพื้นที่ พบเจอการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กอายุน้อยสุด 9 ปี ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและวิตกเป็นอย่างมาก หากปล่อยปะละเลย ไม่มีมาตรการทางสังคมที่ชัดเจน อาจส่งผลให้ปัญหายิ่งทวีคูณมากขึ้น และจะทำให้การแก้ไขปัญหามีความซับซ้อนในอนาคตอันใกล้
จากการศึกษาข้อมูลพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยเงียบที่กำลังทำลายและกัดกร่อนสุขภาพของคนไทย เนื่องจากมีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติด และมีอันตรายต่อทุกระบบ โดยเฉพาะสมองของเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนถึงอายุ 25 ปี และยังมีสารเคมีอื่น ๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งโรคภัย เช่น โรคเกี่ยวกับปอด โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น
ทั้งนี้ ความห่วงใยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในวาระที่รัฐสภากำลังมีการพิจารณามาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อมีฝ่ายการเมืองมีความพยายามในการผลักดันให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมาย ทิศทางนโยบายรัฐต้องการปลดเสรีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ตามไปด้วย ซึ่งเป็นตัวทำลายอนาคตของชาติ กลุ่มเด็กและเยาวชนจะตกเป็นเป้าหมายทางการตลาดล่าเหยื่อของบริษัทผู้ผลิต และการค้าที่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบอันโหดร้ายที่จะเกิดขึ้นต่อกลุ่มเด็กและเยาวชน
ในการนี้ ทางภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม ขอส่งเสียงร่วมเป็น 1 เสียง ปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนลูกหลานไทย สังคมไทย จากอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าและปัจจัยเสี่ยง ไปยัง รัฐสภา รัฐบาล กรรมธิการ และนักการเมือง ให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติมากกว่าผลกำไรและภาษี โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1. มาตรการทางตามกฎหมาย
• คงนโยบายห้ามนำเข้า ผลิต ขาย โฆษณา และสูบบุหรี่ไฟฟ้า อย่างเบ็ดเสร็จ
• เร่งออกกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย ควบคุมการเข้าถึง และการครอบครอง โดยให้มีบทลงโทษ ทั้งปรับและจำคุก อย่างชัดเจน ภายใน 1 ปี
2. การควบคุมการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า
• ระยะสั้น รัฐบาลต้องบูรณาการทุกภาคส่วนและประกาศนโยบายการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างจริงจัง ภายใน 1 ปี บุหรี่ไฟฟ้าต้องไม่ปรากฎในสถานศึกษา ร้านจำหน่ายที่ลักลอบ และการขายในระบบออนไลน์
3. สนับสนุนส่งเสริมความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็กและเยาวชน
• สนับสนุนส่งเสริมความรู้ที่ถูกต้องแก่เด็กและเยาวชน ผู้ปกครอง ทุกหน่วยงานต้องเร่งให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ ตลอดจนสร้างค่านิยมแก่สังคม “บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายและไม่ใช่สิ่งปกติที่ยอมรับได้”
พร้อมนี้เพื่อให้เสียงแถลงการณ์ภาคีเครือข่ายป้องกันปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพและสังคม ส่งไปถึงกลไกนิติบัญญัติ รัฐสภา รัฐบาล คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง และนักการเมืองทุกระดับ ได้เชิญ 1. ผู้แทน สส.คอซีร์ มามุ ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ 2. ผู้แทน สส. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวิทย์ บารู ปัตตานี เขต 1 พรรคประชาชาติ 3. นางกัลยา เอี่ยวสกุล กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์(สส.)ของจังหวัดปัตตานี และกรรมาธิการฯ รับหนังสือปิดผนึกเพื่อเป็นกระบอกเสียงส่งต่อเสียงประชาชน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.