วันที่ 12 ก.ค.60 ที่ โรงแรมดุสิตรีสอร์ท ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีไทย-มาเลเซีย เรื่อง ความร่วมมือด้านการปราบ ปรามยาเสพติด ครั้งที่ 38 โดยมี Commissioner Police Dato’ Sri Mohd. Mokhtar Bin HJ Mohd. Shariff (ดาโต๊ะ ศรี โมฮัมหมัด ม๊อกต้า บิน ฮาจิ โมฮัมหมัด ชาริฟ) ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมยาเสพ ติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (Narcotics Crime Investigation Department-NCID)เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนมาเลเซีย โดยมี นางนฤมล ช่วงรังษี รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พลตำรวจตรี ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พลตำรวจตรี พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ พลตำรวจตรี ดุษฎี ชูแสงกิจ ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยา เสพติด 4 และผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. ในส่วนของคณะผู้แทนมาเลเซียประกอบด้วย Deputy Commissioner Police DATO’Kang Chez Chiang (ดาโต๊ะ กัง เชส เชียง) รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวน อาชญากรรมยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย และผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ NCID เข้าร่วม
โดยทางสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้มีการประชุมร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ปีละครั้ง โดยวิธีเหย้าเยือน ซึ่งการประชุม ระหว่างไทยกับมาเลเซียนับว่าเป็นการประชุมที่มีมาอย่างยาวนานที่สุดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติด เครือข่ายการค้ายาเสพติดข้าม ชาติและนักค้ารายสำคัญ ติดตามตัวผู้ต้องหาหนีหมายจับ รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดของไทยและมาเลเซียให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นมิติสำคัญของความร่วมมือในระดับทวิภาคีกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกัน
ปัญหายาเสพติดของไทยมีความเชื่อมโยงกับการลักลอบค้ายาเสพติดของนักค้าในมาเลเซีย ความร่วมมือในการสกัดกั้น ปราบปรามยาเสพติดระหว่างไทยและมาเลเซียจึงมีความสำคัญต่อประชาชนทั้งสอง ประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยส่งเสริม “แผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อสร้างความมั่นคงให้อาเซียนปลอดภัยจากยาเสพติด” ระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2529 – 2568 ) และการสร้างประชาคมอาเซียนให้ปลอดภัยจากยา เสพติด ตามคำขวัญของอาเซียน “Securing Community against Illicit Drugs”
นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ เป็นที่น่าพอใจของทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายมาเลเซีย โดยได้มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ยาเสพติด และข้อมูลของนักค้ารวมถึงผู้ต้องหาราย สำคัญหลายราย โดยในประชุมวันนี้ได้มีการตกลงให้ทั้งสองประเทศมีการสืบสวนร่วมกันในหลายคดี ทั้งในคดีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนของมาเลเซียจะเดินทางมายัง ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่สืบสวนของไทยก็จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อสืบสวนและขยายผลในหลายคดี นอกจากนี้ NCID จะส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดมาประจำ ณ สถานเอกอัครราชทูต มาเลเซีย ประจำกรุงเทพฯ และสำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ในระหว่างขออนุมัติส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดไปประจำ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิด เห็นและประสบการณ์ เรื่อง ปัญหาพืชกระท่อมและการควบคุมพืชกระท่อม โดยในปัจจุบันมาเลเซียได้ทำการสกัดกั้นกระท่อม ซึ่งจะถูกลำเลียงมาประเทศไทยได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปีที่ผ่านมา มาเลเซียได้สกัดกั้นกระท่อมมากถึง 36 ตัน และตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.60 โดยมาเลเซียสามารถยึดกระท่อมที่จะถูกขนส่งมาที่ประเทศไทยได้มากถึง 19 ตัน โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์เกี่ยวกับพืชกระท่อมและการควบคุมพืชกระท่อม จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อฝ่ายไทยในการพิจารณาปรับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมพืชเสพติดของไทย
ด้าน ดาโต๊ะ ศรี โมฮัมหมัด ม๊อกต้า บิน ฮาจิ โมฮัมหมัด ชาริฟ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการประสานงานด้านการปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ได้มีการประสานงานกันทั้งด้านข้อมูลข่าวสาร และการติดตามจับกุมผู้ประทำผิดข้ามแดน รวมไปถึงการสกัดกั้นยาเสพติดข้ามชาติ โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศ ได้ทำงานกันอย่างใกล้ชิด มีการจับกุมผู้ต้องหาคคดียาเสพติดติดในเมเลเซียได้หลายราย โดยใชช่วงปี 2016 นี้สามารถจุบกุมใบประท่อมได้แล้วกว่ 55 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ได้รับการประสานงานระหว่างประเทศที่ทำให้ การจับกุมและสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าไปยังประเทศมาเลเซียได้
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.