วันที่ 4 ม.ค.61 ที่ สภ.แม่สรวย กรณีเหตุยิงนายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปี ที่อยู่ 517 ม.16 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวยเสียชีวิตขณะขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กอ 2137 กรุงเทพฯ ผ่านด่านชุมชนซึ่งเป็นจุดบริการประชาชนบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ต.ท่าก๊อ ก่อนถึงถนนสายหลักเชียงราย-เชียงใหม่ ประมาณ 30 เมตร เหตุเกิดประมาณ 20.00 น.คืนวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ที่เข้าเวรภายในด่านตรวจชุมชนของฝ่ายปกครองจุดเกิดเหตุจนครบทุกคนโดยในคืนดังกล่าวมีการผู้ที่มีรายชื่อไปเข้าเวรจำนวน 19 คน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำจนได้ข้อสรุปว่ามีผู้ที่ใช้อาวุธปืนในคืนดังกล่าวอย่างน้อย 2 คน โดยอยู่บริเวณหน้าเต๊นท์และหลังเต๊นท์ของด่านตรวจชุมชนดังกล่าว จึงได้มีการจำลองเหตุการณ์โดยช่วงกลางดึกที่ผ่านมาหลังจากที่ น.ส.ศิริรัตน์ แยเปียง อายุ 26 ปีแฟนสาวของนายศรชัยที่นั่งโดยสารไปกับรถคันเกิดเหตุได้นำศพนายศรชัยกลับภูมิลำเนาหลังจากได้นำศพไปเรียกร้องความเป็นธรรมที่ สภ.แม่สรวย โดยได้นำตัวผู้ที่ถูกสอบปากคำหลายคนไปดูที่เกิดเหตุพร้อมดูวิถีกระสุนที่มีการยิง
โดยล่าสุด ทางชาวบ้านที่มารออยู่ด้านหน้า สภ.แม่สรวย ประมาณ 300 คน ได้ฮืกันเข้ามาภายใน สภ. เพราะทราบว่ามีการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ภายใน สภ. โดยระหว่างที่พยายามจะบุกเข้าไปภายใน สภ.ก็ได้มีการด่าทอ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวผู้ต้องหามาขอขมาศพผู้เสียชีวิต ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้าน หากไม่นำมาก็จะนำศพมาตั้งไว้ที่หน้า สภ.จนกว่าจะได้ตัวผู้ต้องหา
โดยระหว่างที่ชาวบ้านพยายามรุกฮือเขช้ามาภายใน สภ. พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย รอง ผบก.ภ.เชียงราย ได้เข้าไปเจรจากับชาวบ้านเพื่อขอให้ออกจากอาคารของสถานีตำรวจเพื่อไม่ให้กระทำผิดกฎหมายบุกรุกสถานที่ราชการ โดยได้ปลอบชาวบ้านว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้เรียบร้อยแล้วจำนวน 1 คน ปัจจุบันได้มีการนำตัวไปชี้จุดที่เกิดเหตุและนำอาวุธปืนไปตรวจสอบรวมทั้งตรวจหาเขม่าดินปืนจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ในคืนเกิดเหตุ ขณะที่มีการตรวจวิถีกระสุน จำลองเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุโดยสอบปากคำบุคคลหลายคนในที่เกิดเหตุรวมทั้งผู้ต้องหาคนดังกล่าวด้วย ขณะที่ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานภาค 5 ก็เข้าตรวจรถยนต์และนำรถไปตรวจต่อที่สถานที่เกิดเหตุด้วย
ปัจจุบันตัวผู้ต้องหาจึงไม่ได้อยู่ที่ สภ.แม่สรวย แต่ได้ถูกนำไปฝากขังที่ศาลแล้ว อย่างไรก็ตามชาวบ้านยังไม่พอใจและพยายามจะขอดูตัวผู้ต้องหารวมทั้งสงสัยว่าเหตุใดไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพรวมทั้งอยากให้มีการนำตัวคนร้ายไปขอขมาศพผู้ตายด้วย ซึ่งทาง พ.ต.อ.วีระยุทธ แจ้งว่าไม่สามารถให้ดูตัวผู้ต้องหาได้เพราะผ่านพ้นกระบวนการนี้ไปแล้วโดยการดำเนินการแล้วเสร็จตั้งแต่คืนวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้จับแพะโดยจากข้อมูลหลักฐานและพยานต่างๆ บ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นเพียงคนเดียวที่ยิงปืนในคืนเกิดเหตุจึงมีการออกหมายจับดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านได้ยอมถอยออกจากอาคาร สภ.แม่สรวย ออกมาชุมนุมกันอยู่ด้านนอกเช่นเดิม
พ.ต.อ.วีระยุทธ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องภายในด่านตรวจชุมชนทั้งหมดรวมแล้ว 10 กว่าคน และมีผู้ที่ยอมรับว่ายิงปืนในคืนเกิดเหตุจริงจำนวน 1 คนคือนายวุฒิชัย อินใจ อายุ 46 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านป่าเหียง หมู่ 14 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับที่ 2/2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวนายวุฒิชัยและนำตัวไปทำการฝากขังเพื่อสอบสวนที่ศาล จ.เชียงราย แต่ผู้ต้องหาได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงใส่ผู้ตาย แต่ยิงขึ้นฟ้า จำนวน 3 นัดด้วยปืนขนาด 9 มม.ซึ่งมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปตรวจสอบเป็นหลักฐานพร้อมกับเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่เพื่อหาเขม่าดินปืนแล้ว ส่วนพยานบุคคลต่างๆ ก็ให้การสอดคล้องไปในทำนองเดียวกันจึงได้ว่าเป็นคดีที่ไม่มีความสลับซับซ้อนเลย แต่เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธจึงไม่มีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพและต้องดำเนินคดีเพื่อความรัดกุมของสำนวนต่อไปและหากว่าจะมีการขอประกันตัวก็คงต้องคัดค้านการประกันตัว
“คดีนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องและกรณีของด่านตรวจชุมชนดังกล่าวก็เป็นด่านตามนโยบายที่ไม่มีกฎหมมายรองรับและไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีกับบุคคลใดได้ เมื่อดูจากหนังสือคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดก็พบว่าเป็นด่านที่ตั้งขึ้นเพื่อดูแลลูกบ้านเท่านั้น ส่วนตัวผู้ตายนั้นก็ทราบดีว่าเป็นคนดีและเป็นที่รักของชาวบ้านโดยเฉพาะได้ช่วยเหลือเรื่องการงานให้กับชาวบ้านหลายคน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีขั้นตอนในการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยเช่นกัน” รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย กล่าว
สำหรับด่านตรวจชุมชนบ้านแม่ต๋ำในคืนวันที่ 2 ม.ค.ดังกล่าว มีรายชื่อผู้เข้าเวรจำนวน 19 คนและมีนายวุฒิชัยอยู่ในอันดับ 6 จริง และในคืนวันที่ 4 ม.ค.นายศรชัย ซึ่งปกติทำงานกิจการรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ จ.ระยอง และเดินทางกลับบ้านช่วงปีใหม่กำลังพา น.ส.ศิริรัตน์ ออกจากหมู่บ้านไปส่งทำงานที่ จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อผ่านด่านตรวจชุมชนได้มีการโบกมือจากคนในด่านตรวจอย่างน้อย 3-4 คนซึ่งไม่ชัดเจนว่าโบกให้หยุดหรือให้ชะลอ จากนั้นกล้องหน้ารถได้แสดงให้เห็นว่ารถได้ขับผ่านด่านตรวจไปเพียงเล็กน้อยนายศรชัยก็ถูกยิงจากด้านหลังจนรถเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าหน้าวัดบ้านแม่ต๋ำดังกล่าว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.