กสทช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. กวาดล้างสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่เถื่อน จัดระเบียบเสาสัญญาณชายแดน ป้องกันการกระทำผิดทางเทคโนโลยี
เวลา 10.00 น. วันที่ 18 ส.ค. 66 พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ พล.ต.ท.ดร.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี, นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการ เลขาธิการ กสทช., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก. สอท.4, นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม, นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการ รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการภูมิภาค, นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการภูมิภาค, นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สํานักกํากับดูแลกิจการโทรคมนาคม, นายมนต์ชัย ณ ลําพูน ผอ. สํานักงาน กสทช. ภาค 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงาน กสทช. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมและตรวจสอบกวดขัน สถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และสถานีส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ด้าน จ.เชียงราย ตามนโยบายของภาครัฐในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ที่มีฐานปฎิบัติอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้สัญญาณโทรคมนาคมและสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทย
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ขบวนการอาชญากรรมจําเป็นต้องมาตั้งฐานปฎิบัติการบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากจําเป็นต้องใช้สัญญาณโทรคมนาคมจากฝั่งไทย เพื่อให้แสดงเป็นหมายเลขไทย เกิดความน่าเชื่อถือ และทําให้ยากต่อการติดตามจับกุมคนร้ายมาดําเนินคดี เนื่องจากผู้กระทําผิดอยู่ประเทศหนึ่ง ผู้เสียหายอยู่อีกประเทศหนึ่ง นอกจากนี้ภายหลังจากที่ สํานักงาน กสทช. มีการออก 7 มาตรการที่สําคัญ คือ
- ระงับการโทรเข้าจากต่างประเทศที่มีรูปแบบของเลขหมายที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ประจํา
- ระงับการโทรเข้าจากต่างประเทศไม่มีการกําหนดเลขหมายต้นทาง ซึ่งมาจากช่องทาง VoIP โดยประชาชนสังเกตุได้จากหมายเลขขึ้นต้นด้วย +697”
- กําหนดให้ผู้ให้บริการจะต้องเพิ่ม Prefix สําหรับกรณีบริการที่ระบุเลขหมาย โดยใช้เครื่องหมาย “+698” นําหน้าเลขหมายที่เป็น Roaming จากต่างประเทศ
- จัดทําบริการ โทรหมายเลข *138 ให้ประชาชนเลือกปฏิเสธการรับสายที่โทรจากต่างประเทศได้
- การจัดทําระบบลงทะเบียนกรณีผู้ทําการส่ง SMS จํานวนมากๆ ต้องมีการลงทะเบียนล่วงหน้า
- การจํากัดลงทะเบียนซิมการ์ด มากกว่า 5 ซิม จะต้องไปลงทะเบียนและยืนยันตัวตนที่ศูนย์ให์บริการ
- การยกเลิกการส่ง SMS จากสถาบันทางการเงินแนบลิงค์ต่างๆ
- กด *179*เลขบัตประชาชน# โทรออก เพื่อให้ธนาคารตรวจสอบ ว่าผู้เปิดบัญชีออนไลน์เป็นเจ้าของเลขหมายโทรศัพท์ที่แท้จริง
ทําให๊แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรจากต่างประเทศไม่ได้ ประกอบกับประชาชนมีการระมัดระวังสายต่างประเทศมากขึ้น ผู้กระทําผิดจึงจําเป็นที่จะต้องอาศัยสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่จากฝั่งไทยในการหลอกลวงประชาชน ดังนั้นการเดินหน้าปราบปรามสถานีฐานโทรศัพท่เคลื่อนที่และสถานีส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายควบคู่ไปกับการจัดระเบียบเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนทั่วประเทศ ไม่ให้สัญญาณข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงเปรียบเสมือนการตัดแขนตัดขากลุ่มอาชญากรทางเทคโนโลยีไม่ให้ทํางานได้สะดวกเหมือนในอดีตได้
พล.ต.ท.ดร.ธัชชัย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สตช. ร่วมกับ สํานักงาน กสทช. ตรวจสอบสถานีโทรคมนาคมและเสาสัญญาณตลอดแนวชายแดนด้าน จ.เชียงราย พบว่ามีการตั้งสถานีโทรคมนาคมและเสาสัญญาณผิดกฎหมายหลายแห่ง จึงได่ดําเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายศาล จนนําไปสู่การจับกุมจํานวนหลายราย โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 เข้าตรวจสอบและจับกุมสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ลักลอบส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต และหันทิศทางสายอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ดังนี้
- สอท. ร่วมกับ กสทช. ภาค 3 ตรวจค้นจับกุมการตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต จํานวน 1 สถานี เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จึงได้จับกุมผู้กระทําผิดและยึดของกลางที่ใช้กระทําความผิด ประกอบด้วย เครื่องวิทยุคมนาคม จํานวน 8 เครื่อง, อุปกรณ์การจ่ายสัญญาณพร้อมกระแสไฟฟ้า จํานวน 4 เครื่อง และสายนําสัญญาณพร้อมหัวต่อความยาว 30 เมตร จํานวน 8 เส้น
- สอท. ร่วมกับ กสทช. ภาค 3 ตรวจค้นจับกุมการตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
จํานวน 7 สถานี ในพื้นที่ ต.เวียงพางคํา และ ต.แม่สาย อ.แม่สาย เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ยึดของกลางที่ใช้กระทําความผิด ประกอบด้วย เครื่องวิทยุคมนาคม จํานวน 8 เครื่อง , อุปกรณ์เครื่องวิทยุคมนาคม จํานวน 18 รายการ
ทั้งสองกรณีเป็นความผิดฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” ตามมาตรา 6 และ 11 ประกอบมาตรา 23 แห่ง พรบ.วิทยุคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งปรับทั้งจํา และความผิดฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตแบบที่ 1 โดยไม่ได้อนุญาต” ตามมาตรา 67 (1) แห่งพรบ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท พร้อมทั้งจับกุมผู้กระทําผิด จํานวน 2 ราย ในการนี้ สํานักงาน กสทช. ภาค 3 ได้ทําการรื้อถอนสถานีวิทยุคมนาคมผิดกฏหมายดังกล่าวทั้งหมด และทําการยึดอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ใช้กระทําความผิดได้เป็นจํานวนมาก นําส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
กรณีที่ 2 สํานักงาน กสทช. ตรวจสอบพื้นที่ชายแดน จํานวน 4 อําเภอ ประกอบด้วย อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ, อ.แม่สาย และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย จํานวน 105 ต้น ด้วยเครื่องมือพิเศษ พบว่ามีเสาสัญญาณจํานวนมากมีการส่งสัญญาณข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีการเคลื่อนไหวของแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ กรณีนี้สํานักงาน กสทช. ได้ดําเนินการแจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด เร่งแก้ไขปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยให้ถอนการติดตั้งสายอากาศบางจุด หรือปรับทิศทางสายอากาศ หรือดําเนินการด้วยวิธีอื่นใด มิให้แพร่สัญญาณคลื่นความถี่ออกนอกเขตพื้นที่ประเทศไทย เพื่อให้พื้นที่การให้บริการ (Service Area) อยู่ภายในอาณาเขตพื้นที่ประเทศไทย
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฎิบัติการที่ จ.เชียงรายในวันนี้ถือเป็นการปฎิบัติต่อเนื่อง จากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่าน ซึ่งสํานักงาน กสทช. และ สตช. ได้มีการกวาดล้างจับกุมสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมาย และตรวจสอบเสาสัญญาณ ในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้าน จ.สระแก้ว โดยหลังจากนี้ สํานักงาน กสทช. จะร่วมกันปฏิบัติการกับ สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเอ็กซเรย์พื้นที่ตลอดแนวชายแดน ระยะทาง 5,326 กม. โดยเน้นพื้นที่เป้าหมายที่กลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตั้งฐานอยู่ อาทิ ชายแดน จ.สระแก้ว จ.เชียงราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.