ฝุ่นควันเชียงรายยังหนัก ทหารระดมสร้างความชุ่มชื้นให้ มหาวิทยาลัย ด้านเอกชนขอเร่งแก้ไขหวั่นกระทบท่องเที่ยว (ชมคลิป)

วันที่ 2 เม.ย.62 ที่จังหวัดเชียงราย สภาพอากาศทั่วไปยังคงขมุกขมัวและมีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศในปริมาณสูงกว่าปกติ โดยคุณภาพอากาศจากเขต อ.เมืองเชียงราย ในเวลา 06.00 น.พบว่าปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือพีเอ็ม 2.5 ในอากาศปริมาณ 144 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพีเอ็ม 10 ในอากาศจำนวน 170 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่ อ.แม่สาย พบว่าปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือพีเอ็ม 2.5 ในอากาศจำนวน 133 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพีเอ็ม 10 ในอากาศจำนวน 205 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

โดยนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้สั่งการมาตรการพิเศษในการแก้ไขปัญหาเชิงรุก โดยสั่งการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 15 ร่วมกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย สนธิกำลังกับชาวบ้าน จัดกำลังชุดดับไฟป่า แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด คือชุดเฝ้าดับไฟทันทีเมื่อมีเกิดฮอตสปอต ชุดลาดตระเวนเคลื่อนไหวในป่าตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟป่าซ้ำ ชุดในท้องถิ่นโดยให้ผู้นำชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกดดันโดยให้ปฏิบัติอย่างเข้มข้นตลอด 15 วันนับจากนี้เป็นต้นไป ส่วนการฉีดพ่นน้ำในอากาศจะยังคงดำเนินการต่อไป ทั้งนี้หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและฝนไม่ตกลงมาอาจมีการพิจารณาขยายระยะมาตรการห้ามเผาทุกชนิดโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.นี้ออกไป

 

นอกจากนี้ในส่วนการปิดมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งในจังหวัดเชียงราย ทั้ง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองในอากาศที่เกินค่ามาตราฐาน ซึ่งจะผลกระทบต่อนักศึกษา นั้น ล่าสุดทาง พ.อ.ชาคริต ปรุงสุวรรณ์ ผบ.นพค.35ฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกน้ำและรถดับเพลิงในสังกัด ทำการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของนักศึกษา และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย

 

โดย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงรายนั้น จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงและแสดงอาการทันที ซึ่งจะมีการสะสมจะเริ่มมีอาการประมาณ 1 เดือน ซึ่งจะส่งผลทางด้านทางเดินหายใจ และส่งผลก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ก็มีกลุ่มเสี่ยงจำนวน 5 กลุ่มทีต้องได้รับการดูแลก็คือ 1.ผู้สูงอายุ 2.หญิงตั้งครรภ์ 3.เด็กที่อายุ 0-5 ปี 4.ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง 5.ผู้ป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 2 แสนคน และจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งควรอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาในที่โล่งแจ้ง ในส่วนของการป้องกันนั้นหากไม่มีหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ก็ให้ใช้หน้ากากแบบธรรมดา จำนวน 2 ชั้น โดยให้ใส่กระดาษทิชชูไว้ตรงกลางจำนวน 2 แผ่นก็จะสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ได้เกินกว่า 90 เปอเซนต์

ด้าน นายกิตติ ทิศสกุล รักษาการประธานสภาอุตสหกรรมจังเชียงราย กล่าวว่าที่ผ่านมาภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการฉีดพ่นน้ำและสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ ของจังหวัด เช่น หน้ากาก อาสาสมัคร อย่างต่อเนื่องด้วยหวังว่าสถานการณ์จะเบาบาง รวมทั้งยังแสวงหาข้อมูลข่าวสารเพื่อแจ้งให้กับผู้ประกอบการเพื่อแนะนำนักท่องเที่ยว โดยกรณีเดินทางไปช่วงนี้ก็ให้สวมใส่หน้ากากเพื่อให้เกิดความเชื่อมมั่นที่จะเดินทางมากระนั้นต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปีนี้ถือว่าหนักหนาพอสมควรจึงได้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวของจังหวัด โดยพบว่าอัตรราเข้าพักของนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 10-20% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวพักระยะยาวหรือลองสเตรย์ก็พบว่าได้ออกไปท่องเที่ยวยังนอกพื้นที่ เช่น ภาคใต้หรือกรุงเทพฯ แทน รวมทั้งบางกลุ่มเดินทางไปท่องเที่ยวยังแทน อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าจะผ่านพ้นปัญหาช่วงนี้ไปได้โดยนักท่องเที่ยวที่รู้จักสภาพอากาศ จ.เชียงราย เป็นอย่างดีจะทราบว่าฝุ่นละอองเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ และหลังจากนี้ก็จะหายไปทำให้นักท่องเที่ยวจะกลับไปเยือนเชียงรายอีกครั้งตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ นายกิตติ ได้มีความคิดในการให้ทางรัฐบาลช่วดลดค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนระดมในการฉีดพ่นน้ำสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ของตนเอง ด้วย