ภาคเอกชนยื่นหนังสือเสนอ เพิ่มด่านชายแดน เชียงแสน – เชียงของ ในการเปิดท่องเที่ยว ม.ค.65 หลังจากที่เชียงรายได้เปิดชายแดนที่ อ.แม่สาย แห่งเดียว ชี้ ชายแดนด้าน สปป.ลาวมีความสำคัญทั้งด้านโลจิสติก และการท่องเที่ยว ไม่แพ้ด่านพรมแดนอื่นๆ
วันที่ 26 ก.ย.64 นายบุญเชิด ลีลาคุณากร ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย น.ส.กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย นายวชิระ รัศมีจันทร์ ประธานชมรมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.เชียงราย นายวิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรม จ.เชียงราย และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เพื่อรองรับการเปิดฤดูการท่องเที่ยว
โดยนายวชิระ รัศมีจันทร์ ได้เป็นตัวแทนภาคเอกชนยื่นหนังสือ ผ่าน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ถึงรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้เปิดชายแดนไทยที่ อ.เชียงแสน และอ.เชียงของ ซี่งติดกับแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เนื่องจากก่อนหน้านี้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่าจะมีการเปิดด่านชายแดนไทยเฉพาะจุดหรือบับเบิ้ลชายแดนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะแรกทะยอยเปิดตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.2564 เริ่มต้นจาก จ.ภูเก็ต หรือภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สมุยพลัสโมเดล จ.สุราษฎร์ธานี ฯลฯ แต่ในระยะที่ 4 ที่จะเป็นการเปิดบับเบิ้ลชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 1-15 ม.ค.65 เป็นต้น โดย จ.เชียงราย ให้เปิดชายแดนเฉพาะด้าน อ.แม่สาย ที่ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เท่านั้น แต่ไม่มีด้านที่ติดกับ สปป.ลาว ตั้งแต่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย มีเพียง จ.นครพนม หนองคาย และมุกดาหาร เท่านั้น ที่เปิดด่านพรมแดนติดกับ สปป.ลาว ภาคเอกชนจึงเห็นว่าควรเปิดบับเบิ้ลด้าน อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ควบคู่กันไปด้วยเพราะมีศักยภาพเหมือนกับ อ.แม่สาย