ก็เดินทางกันมาถึงช่วงสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกเพื่อตามหา 32 ทีมชาติที่จะได้ไปดวลแข้งกันที่ประเทศกาตาร์กันแล้วนะครับ มีทั้งสมหวัง ทั้งผิดหวัง ตามคาด ผิดคาดกันไปตาม ๆ กัน เรามาดูกันดีกว่าครับว่าทีมชาติของแข้งเชียงรายแต่ละสัญชาติทำผลงานกันได้ยังไงบ้าง
บราซิล: บรีเนร์, เฟลิเป้, เก็ตเตอร์ซง, บิล (ยืมตัว)
ทีมกว่างโซ้งของเรามีนักเตะสัญชาติบราซิลมากถึง 4 คนครับ เพราะงั้นถ้าเกิดว่าใครยังไม่มีทีมเชียร์ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ มาเชียร์ทีมแซมบ้ากันก็ได้ โดยทัพแซมบ้าลงเตะคัดเลือกในโซนคอนเมโบลครับ ต้องปะทะกับยอดทีมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า, “จอมโหด” อุรุกวัย, หรือ “เสื้อแดง” ชิลี ซึ่งก็บอกได้ว่าทัพแซมบ้าลงเล่นไปเพียง 13 จาก 18 เกมก็คว้าตั๋วไปเล่นที่กาตาร์ได้แบบสบาย ๆ ด้วยการเฉือนชนะโคลอมเบียไป 1-0 จากประตูชัยของลูคัส ปาเกต้าในนาทีที่ 72 ครับ ในตอนนี้ แข่งขันไปแล้ว 16 นัด ทีมชาติบราซิลเอาชนะได้ถึง 13 นัด เสมอไป 3 และยังไม่แพ้ใครครับ ยิงไปแล้ว 36 ประตู เสียเพียง 5 ประตูเท่านั้น เรียกได้ว่าโชว์ฟอร์มโหดสมกับเป็นแชมป์โลก 5 สมัยจริง ๆ ปีนี้น่าจะเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในดินแดนอาหรับได้อีกทีม ในส่วนของซูเปอร์สตาร์ประจำทีม ก็ไม่ต้องเอ่ยให้มากความครับ ขนมาเต็มทัพแน่ ๆ ถ้าไม่มีใครเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นเนย์มาร์ (ปารีส แซงต์-แชร์กแมง), วินิซิอุส จูเนียร์, คาเซมิโร่, โรดริโก้ (เรอัล มาดริด), รวมถึงพ่อมดมิดฟิลด์อย่างเฟร็ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)
ญี่ปุ่น: โคเฮย์ คาโต
ชาวต่างชาติคนสุดท้ายของเราก็คือกองกลางจากแดนอาทิตย์อุทัยนั่นเองครับ ทีมชาติญี่ปุ่นเพิ่งจะเอาชนะออสเตรเลียและตัดหน้าคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลกที่กาตาร์ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ขุนพลซามูไรผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกันแล้วนะครับ (ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส) ผลงานของทีมชาติญี่ปุ่นในรายการคัดเลือกครั้งนี้ ลงเล่นไปแล้ว 9 นัด ชนะไปถึง 7 แพ้ไปเพียง 2 นัด แม้จะเสียเพียง 3 ประตูแต่ก็ยิงได้เพียง 11 ประตู น้อยกว่าออสเตรเลียที่จบอันดับ 3 ในกลุ่มถึง 4 ประตู แต่ถึงจะยิงน้อยก็นำเป็นจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ครับ ซูเปอร์สตาร์ประจำทีมก็ต้องเป็น “เมสซี่ญี่ปุ่น” อย่างทาเคฟุสะ คุโบะ (มายอร์ก้า), ทาคุมิ มินามิโนะ (ลิเวอร์พูล), และกัปตันทีมอย่างมายะ โยชิดะ (ซามพ์โดเรีย)
อิตาลี: จอนาตา แวร์ซูรา
ลูกครึ่งไทย-อิตาลีของเราอาจจะกำลังน้ำตาตกในอยู่นะครับตอนนี้ หลังจากที่ทัพอัซซูรี่พลาดท่าอย่างไม่น่าเชื่อ พ่ายแพ้ต่อม้ามืดอย่างมาซิโดเนียเหนือไปอย่างช็อคโลก 0-1 จากประตูชัยของอเล็กซานดร้า ทราคอฟสกี้ แล้วที่เจ็บใจยิ่งขึ้นไปอีกก็เพราะทราดอฟสกี้เคยค้าแข้งอยู่ในอิตาลีมาก่อนด้วยครับ จากการพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้ทีมชาติอิตาลีพลาดไปเล่นฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ไม่ได้เล่นฟุตบอลโลกมาตั้งแต่นัดที่แพ้อุรุกวัย 0-1 (นัดที่คิเอลลินี่โดนซัวเรสกัดครับ) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2014 หรือเกือบ ๆ 8 ปี ถ้าจะเอาสถิติที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ อิตาลีไม่ได้เล่นเกมน็อกเอาท์ (รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป) ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาตั้งแต่นัดที่ “ได้แชมป์โลก” ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2006 หรือเกือบ 16 ปีมาแล้วครับ และจนกว่าจะถึงฟุตบอลโลกครั้งต่อไปก็คงปาไปแล้ว 20 ปี เกิดมาบรรลุนิติภาวะก็อาจจะไม่ได้เห็นทีมชาติอิตาลีได้เล่นเกมฟุตบอลโลกรอบน็อคเอาท์นะครับ ถือว่าน่าตกใจและน่าทึ่งมาก