วันนี้ (9 ส.ค. 66) ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.) จัดงานสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี 2566 ภายใต้หัวข้อ “ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย” ที่ อาคารอเนกประสงค์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนในภาคเหนือได้รับทราบทิศทางเศรษฐกิจการเงิน นโยบาย ธปท. รวมถึงประมาณการเศรษฐกิจภาคเหนือในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อการวางแผนของภาคธุรกิจและครัวเรือน ตลอดจนรับฟังมุมมองเกี่ยวกับการสร้างความยั่งยืนและแนวทางการปรับตัวเพื่อยกระดับในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งภาคธุรกิจ การเงิน การศึกษา ภาคราชการ และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมสัมมนา
โอกาสนี้ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจการเงินไทย” ฉายภาพเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า จากการประเมินไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 คาดว่าอัตราการขยายตัวปี 66 อยู่ที่ 3.6 เปอร์เซ็นต์ และปี 67 ที่ 3.8 เปอร์เซ็นต์ ตามแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี และภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจภาคเหนือทยอยฟื้นตัวเช่นกันแต่ช้ากว่าเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจภาคเหนือถูกขับเคลื่อนด้วยภาคเกษตรค่อนข้างมาก และมีสัดส่วนแรงงานในภาคเกษตรสูง อีกทั้งยังเป็นแรงงานสูงอายุ ภาคการผลิตยังมีบทบาทน้อยเมื่อเทียบกับประเทศ รวมทั้งในครึ่งหลังของปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า จะมีความท้าทายจากผลกระทบของภาวะภัยแล้ง ขณะเดียวกัน การพัฒนาเศรษฐกิจของภาคเหนือในระยะยาว คนในพื้นที่ควรเป็นผู้มีบทบาทหลักในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจเหนือ เพราะเข้าใจศักยภาพและบริบทของภูมิภาคดีที่สุด ในขณะที่ภาครัฐและ ธปท. ควรมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศน์ที่ส่งเสริมศักยภาพ เช่น การพัฒนาระบบการชำระเงินที่เอื้อต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ
ส่วนประมาณการเศรษฐกิจภาคเหนือ ธปท.สภน. ได้ศึกษาและประมาณการเศรษฐกิจภาคเหนือปี 66 คาดว่าขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.0-3.0 และปี 67 ชะลอลงอยู่ในช่วงร้อยละ 0.7-1.7 โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม การค้า ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ภาคการเกษตรคาดว่าขยายตัวในปี 66 แต่หดตัวในปี 67 จากภาวะฝนแล้ง ด้านรายได้ของครัวเรือนในภาคเหนือ ปี 2566-2567 ปรับดีขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 1.9 ต่อปี แต่รายได้สุทธิครัวเรือนแต่ละกลุ่มดีขึ้นแตกต่างกัน ครัวเรือนเกษตรกว่า 2 ล้านครัวเรือน ซึ่งมากกว่าครึ่งของครัวเรือนภาคเหนือ มีแนวโน้มรายได้สุทธิลดลงในปี 2567 จากผลกระทบของภาวะเอลนีโญ ทำให้กำลังซื้อยังไม่ดีขึ้นอย่างทั่วถึง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจภาคเหนือจะมีทิศทางปรับดีขึ้น ทั้งนี้ ธปท.สภน. จะให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการมีส่วนร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาเศรษฐกิจการเงินภาคเหนือในระยะยาว ทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน การสนับสนุนการแก้หนี้อย่างยั่งยืน และการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการพัฒนาความเป็นอยู่ในพื้นที่