นายกฯเยือนแม่สาย รับหารือจีน แก้ส่งออกผลไม้แม่น้ำโขง

วันที่ 15 ก.ย.66 ที่ผ่านมา ที่ด่านพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ชายแดนไทย-เมียนมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีระกุล รมว.กระทรวงมหาดไทย และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปรับฟังสถานการณ์การค้าชายแดนและอื่นๆ โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้านำเสนอปัญหาครบครัน ทั้งนี้เมื่อนายเศรษฐาไปถึงได้เดินพบปะกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่แตกต่างด้วยหลากหลายชาติพันธุ์โดยบางส่วนได้ยื่นหนังสือขอให้มีพิจารณาสัญชาติ และชาวคะฉิ่นจากบ้านป่ายาง ต.แม่สาย ได้มอบดาบขาวคะฉิ่นให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงออกถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลประชาชน นอกจากนี้ยังมี จากน้้นนายเศรษฐาได้เข้ารับฟังข้อเสนอ ณ ห้องประชุมด่านพรมแดนดังกล่าว

ซึ่งนายอนุรัตน์ อินทร ที่ปรึกษาหอการค้า จ.เชียงราย ได้นำเสนอว่าการค้าชายแดนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปีโดยปี 2565 เพิ่มขึ้น 30% โดยมีมูลค่การค้ารวมกว่า 97,000 ล้านบาทกับประเทศจีน เมียนมา และ สปป.ลาว แต่ปัจจุบันประสบปัญหาการค้าทางเรือแม่น้ำโขงเพราะท่าเรือกวนเหล่ยซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนยังไม่มีพิธีสารเพื่อรับสินค้าประเภทผลไม้จากท่าเรือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จึงขอให้รีฐบาลและกรมวิชาการเกษตรช่วยผลักดันเพื่อให้อนาคตการส่งออกผลไม้ เช่น ทุเรียน มังคุด ฯลฯ สามารถส่งไปยังประเทศจีนได้ทางเรือซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าในปัจจุบันที่ต้องขนส่งทางบกผ่านประเทศเมียนมาและ สปป.ลาว

นอกจากนี้เสนอให้ตั้งตลาดพืชผักที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว เพื่อแก้ปัญหาพืชผักจากจีนส่งตรงไปยังตลาดไทย จ.ปทุมธานี แล้วค่อยกระจายไปยังตลาดย่อยในประเทศ ซึ่งที่เชียงของกำลังมีรถไฟเชื่อมไปถึงและใน สปป.ลาว ยังมีการสร้างถนนมอเตอร์เวย์เชื่อมไปถึงจีนซึ่งจะใช้ระยะทางเพียง 180 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 90 นาที จากเดิมที่ใช้ถนนอาร์สามเอซึ่งไกลประมาณ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางร่วม 6-8 ชั่วโมง ขณะเดียวกันเสนอให้ผลักดันโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน เชื่อมกับเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพราะฝั่งลาวมีเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่กำลังมีเศรษฐกิจเติบโต ทั้งนี้หอการค้า จ.เชียงราย ยังเสนอให้มีการออกวีซ่าเมื่อมาถึงหรือออนอะไรวัลให้กับชาวเมียนมา สร้างถนนมอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงราย-เชียงใหม่ และแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยลดการปลูกข้าวโพดและส่งเสริมปลูกกาแฟรวมทั้งประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดการเผาด้วย

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับปากจะนำข้อเสนอทั้งหมดไปพิจารณาโดยระบุว่า จ.เชียงราย เป็นจุดยุทธศาสร์การค้าที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยมีทั้งการค้าชายแดนที่สามารถเติบโตขึ้นได้อีก การท่องเที่ยว การเกษตร ฯลฯ จึงทำให้ตนเดินทางไปเยือนเป็นแห่งแรกๆ นับตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี กระนั้นข้อเสนอบางอย่างก็ต้องนำไปพิจารณาก่อนและการพัฒนาก็ไม่ได้มุ่งไปที่ด้านเศรษฐกิจอย่างเดียวแต่ต้องพิจารณาเรื่องสังคมความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย

นายเศรษฐา กล่าวว่าเนื่องจากงบประมาณมีจำกัดดังนั้นคงจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้งหมดไม่ได้ เช่น มอเตอร์เวย์เชียงราย-เชียงใหม่ เพราะมีถนนสายเดิมอยู่แล้วและทางภาครัฐและเอกชนควรนำไปหารือกันอีกครั้ง ส่วนกรณีวีซ่าออนอะไรวัลก็มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงไม่เฉพาะของประเทศไทยแต่เกี่ยวข้องกับประเทศเมียนมาด้วยจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้ดี กระนั้นการส่งเสริมการค้าชายแดนนั้นรัฐบาลจะให้ความสำคัญอย่างเต็มที่โดยเฉพาะทราบว่ามีมิติใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น สินค้าอาหารที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์เป็นที่นิยมของตลาดประเทศเพื่อนบ้านโดยที่แม่สายขายดีรองจากกรุงเทพฯ เลยทีเดียว ส่วนข้อเสนอเกี่ยวกับประเทศจีนนั้นทางคณะรัฐบาลจะเดินทางไปยังประเทศจีนในวันที่ 7-9 ต.ต.นี้ ซึ่งก็จะได้ผลักดันให้มีหน่วยงานระดับมณฑลของจีนเข้าร่วมเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าวต่อไป.