จากกรณีที่เพจ “คุณท้าวศรีสุวรรณภิรมย์ภักดี” ได้โพสข้อความระบุว่า “6 4 เอี่ยว เจริญพร น้ำเต้า ปู ปลา เลขารองเจ้าคณะภาค และเจ้าอาวาสวัดดังใน อ.เมืองเชียงราย ทำแบบนี้ได้หรอเจ้าคะ สำนักพุทธตรวจสอบด่วน”
ล่าสุดทางพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย มีคำสั่งให้คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยมอบหมายให้พระครูสิริธรรมนิวิฐ เจ้าหน้าที่คณะอำเภอเมือง ร่วมกับนายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือที่วัดศรีบุญเรือง เขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงและวางมาตรการบทลงโทษกับคณะสงฆ์ที่ปรากฎในภาพ
นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริง แต่เป็นเหตุซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีพระสงฆ์ใน จ.เชียงราย จำนวน 5 รูปได้รับกิจนิมนต์ ร่วมงานวัดเวียงแก้ว ในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้ามชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประกอบด้วยเจ้าคณะตำบล 1 รูป เจ้าอาวาสวัด 2 รูป และพระลูกวัดอีก 2 รูป อยู่ แต่เพิ่งจะมาเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ในช่วงวันที่ 10 ที่ผ่านมา
ซึ่งทางสำนักพุทธ จ.เชียงราย ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ร่วมกับคณะสงฆ์เชียงราย ตั้งกรรมการสอบสวนในทันที ซึ่งพระสงฆ์ทั้ง 5 รูป ก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลในภาพจริง โดยอ้างว่าการละเล่นเหล่านั้นเป็นประเพณีของท้องถิ่นที่เล่นกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ถือเป็นการกระทำผิดวินัยของสงฆ์และเป็นเรื่องที่เหมาะสม ในวันนี้จึงมีนัดหมายประชุมเพื่อพิจารณาบทลงโทษกันอีกครั้ง แต่ปรากฎว่าพระสงฆ์ทั้ง 5 รูปได้หลบหนีไปทั้งหมด ทำให้ไม่ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม หรือดำเนินการบทลงโทษ
“ตามจากการพิจารณาของคณะสงฆ์อย่างถี่ถ้วนได้มีมติและคำสั่งให้ปลดพระสงฆ์ทั้ง 5 รูปออกจากตำแหน่งที่มีอยู่ทั้งหมด โดยไม่สามารถที่จะยุ่งเกี่ยวกับทางคณะสงห์หรือกับทางวัดต่างๆ ได้อีก แต่ยังไม่ขั้นที่ปาราซิก เพราะถือเป็นความผิดวินัยที่ยังไม่ร้ายแรงมากนัก และทางผู้กระทำผิดยังไม่ได้ชี้แจงโดยละเอียดเพราะหลบหนีไปก่อน ส่วนโทษจะถึงปาราซิกหรือไม่นั้น ทางคณะสงฆ์จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำขึ้นมาอีก ทางคณะสงฆ์ได้มีการวางกฎสำหรับพระภิกษุที่จะเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านจะต้องรับได้อนุญาตจากทางวัดหรือทางคณะสงฆ์ระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัดเสียก่อน และต้องมีการกิจนิมนต์มาแสดงว่ามีการนิมนต์ให้ไปร่วมงานต่างๆ จริง ไม่สามารถที่จะเดินทางโดยพละการได้อีก” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย กล่าว
อยากฝากเตือนให้พระภิกษุสงฆ์ควรตระการเข้าไปร่วมในวงอโคจร นั้นเป็นเรื่องไม่ดีและไม่เหมาะสมควรหลีกเลี่ยงเข้าไปในทุกสถานการณ์ แม้กิจกรรมเหล่านั้นจะเป็นเรื่องปกติของท้องถิ่นนั้นๆ แต่หากพระภิกษุสงฆ์เข้าไปก็เป็นภาพที่ไม่งาม และทำให้ภาพของพระสงฆ์ได้รับความเสื่อมเสีย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงรายกล่าวเพิ่มเติม