แม่สุดแสนดีใจ ขอบคุณรัฐบาล พาลูกชายกลับบ้าน ก่อนแวะรับสะใภ้เข้ากรุงเทพฯไปรับที่สนามบิน

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 13 ต.ค.  2566ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายพันธุ์เทพ เสาโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่น จัดรถตู้ให้กับนางบุญโฮม บุตโม มารดานายผดุง บุตโม หรือโอโน่ อายุ 26 ปี แรงงานคนไทย ซึ่งถูกยิงเข้าที่บั้นท้ายและบริเวณหลังรวม 2 นัดภายในแคมป์คนงานที่ประเทศอิสราเอล และถูกคนไทยที่เป็นล่ามและผู้ประสานงาน ช่วยเหลือออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้าน ก่อนจะประสานงานร่วมสถานทูตไทย ณ กรุงเทอาวีฟ เพื่อเดินทางกลับประเทศโดยมีกำหนดมาถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ช่วงค่ำวันนี้

นายพันธุ์เทพ เสาโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ความสำคัญที่ทุกคนมาร่วมส่งแม่บุญโฮม เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้ก็เนื่องจากว่า บุตรชายของแม่บุญโฮม ซึ่งก็คือนายผดุงแรงงานคนไทย คนขอนแก่น ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันของกลุ่มกบฎฮามาส กับกองกำลังของอิสราเอล และนายผดุงถูกยิง แต่มีการรักษาตัวในเบื้องต้น จนพ้นขีดอันตรายแล้ว คนไทยในอิสราเอลได้มีการช่วยเหลือนายโอโน่ ประสานงานกับสถานทูตไทยในอิสราเอล เพื่อทำเอกสารสำคัญต่างๆที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ประสานงานกับทางรัฐบาลไทย เพื่อที่จะส่งโอโน่กลับประเทศไทยวันนี้

“ขณะนี้ขั้นตอนต่างๆที่ประเทศอิสราเอลและในทางการทูต รวมถึงการประสานงานกับรัฐบาลไทยหรือกระทรวงการต่างประเทศเทศและกระทรวงแรงงานนั้นเรียบร้อยแล้ว โอโน่กับคนไทย รวม 12 คน ได้บินกลับมาที่ประเทศไทยแล้ว ด้วยสายการบิน แอล อัล อิสราเอลแอร์ไลน์ บินจากอิสราเอลเวลา 04.00 น.ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย เวลา 17.15 น.วันนี้”

รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอล แล้วได้รับผลกระทบจากการสู้รบ บางรายเสียชีวิต บางรายบาดเจ็บ บางรายถูกจับเป็นตัวประกัน และก็มีหลายคนที่รอดปลอดภัย จะได้รับการช่วยเหลือจากทางการและหลายภาคส่วน เป็นเรื่องที่ทั้งประเทศให้ความสำคัญอย่างมาก อย่างไรก็ตามคนขอนแก่นไปทำงาน โดยได้ลงทะเบียนผ่านทางกรมแรงงานจำนวน 1,165 คน และอยู่ในพื้นที่เกิดสงครามประมาณ 570 คน

“วันนี้เป็นกรณีของน้องโอโน่ ลูกชายของนายบุญโฮม ที่ไปทำงานเป็นแรงงานที่อิสราเอล และโดนยิงก่อนจะหนีเอาตัวรอดและได้รับการช่วยเหลือจากทางทหารอิสราเอล นำส่งโรงพยาบาล จังหวัดจึงอำนวยความสะดวกให้ โดยสำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น ได้จัดรถตู้พาแม่ของโอโน่เดินทางไปรับลูกชา โดยจะแวะรับแฟนและแม่ยายซึ่งเป็นชาวอ.หนองสองห้อง ที่อ.พล เพื่อเดินทางไปรับโอโน่ด้วยกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ จึงขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวเดินทางไปมาปลอดภัยกลับมาอยู่กันแบบครอบครัวอย่างมีความสุขตลอดไป”

ขณะที่นางบุญโฮม กล่าวว่า ยินดี ที่ลูกชายกำลังเดินทางกลับมาบ้าน เพราะ มีลูกชายคนเดียว เมื่อมีภรรยา ก็หมั้นกันไว้ จากนั้นก็ตัดสินใจไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เพื่อสร้างครอบครัว เมื่อครบสัญญาก็กลับมาแต่งงานอยู่กินกับภรรยา ซึ่งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาภรรยาของโอโน่แจ้งมาว่า โอโน่จะได้ขึ้นเครื่องบินและกลับมาบ้านแล้ว ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่ลูกชายได้รับการช่วยเหลือจากคนไทยในอิสราเอล และได้รับการใส่ใจจากทางรัฐบาลไทยและสถานทูต รวมถึงประเทศอิสราเอล ที่อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือให้โอโน่ ที่ไม่มีเอกสาร หลักฐานใดๆติดตัว เพรพแคมป์ที่พักคนงานไทยถูกเผา จนไม่เหลือหลักฐานใดๆ ได้กลับบ้านมาอยู่กลับครอบครัว

ขณะที่ น.ส.สุพัตรา อาสานอก หรือน้อวเหมียว อายุ 28 ปี ภรรยาสาวของน้องโอโน่ กล่าวว่า หลังจากติดต่อกันได้ สามีก็ติดต่อมาตลอด โดยล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.คืนวันที่ 12 ต.ค. สามีติดต่อมาบอกว่า ได้รับการช่วยเหลือจากล่ามคนไทย ประสานงานกับสถานทูตไทย และทางกระทรวงการต่างประเทศ ในการทำเอกสาร หลักฐานของสามี และคนไทยที่ไม่มีเอกสารติดตัว จนสามีและเพื่อนคนไทยรวม 12 คน ได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกัน

“สามีบอกว่าจะได้ขึ้นเครื่องบินตอนตีสี่วันนี้ บินตรงมาที่ประเทศไทย ประมาณ 9-10 ชม. ก็ถึงประเทศไทย ถึงไทยในช่วงเย็นของวันที่ 13 ต.ค.เช่นกัน เมื่อรับแจ้งจากสามี ก็รับโทรบอกแม่ย่าที่ อ.เขาสวนกวาง จนกระทั่งช่วงกลางดึก แรงงานจังหวัดขอนแก่นก็แจ้งการเดินทาง ให้ไปรับสามีที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยทางแรงงานจังหวัดขอนแก่น จัดรถตู้ให้ 1 คัน รับแม่ย่าและตนไปรับสามีที่สนามบิน ความสำเร็จในการเดินทางกลับบ้านของสามีนั้น กราบขอบคุณคนไทยในอิสราเอลที่ไม่ทิ้งกัน ขอบคุณรัฐบาลไทย สถานทูตไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”