“บิ๊กต่าย” ติวเข้มตำรวจ ภ.4 เน้นหนักการปราบปรามยาเสพติด สนองนโยบายรัฐบาลและ สตช. พร้อมระบุ คดี “ครูเจี๊ยบ”คืบหน้าไปมากแต่เปิดเผยไม่ได้ ส่วนตำรวจรมควัน สั่งสอบสวนทั้งระบบพบผิดฟันไม่เลี้ยง

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 พ.ย.2566 ที่ศูนย์ฝีกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผช.ผบ.ตร.นำคณะผู้บริหารระดับสงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ คณะกรมการ ก.ตร. ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานด้านการปราบปราม ในพื้นที่ บช.ภ.4 โดยมี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวกโกศัย ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย รอง ผบช.ฯ,ผบก.ฯและ ผกก.ฯในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคอีสาตอนบนเข้าร่วมประชุม และนำเสนอผลการดำเนินงานของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการทดสอบสมรรถภาพของชุดเฉพาะกิจ ,และชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนและหน่วยคอมมานโด ของ บช.ภ.4,และ ภ.จว.ขอนแก่น ในการควบคุมฝูงชนและยุทธิวิธีตำรวจเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกปฎิบัติงานหากเกิดเหตุฉุกเฉินในรูปแบบต่างๆได้โดยทันที

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในเดือน พ.ย.จะลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของ บช.ภ.1-9 และ บช.ต่างๆของ สตช.เพื่อดูว่า บช.ใดมีจุดเด่นและจุดแข็งของตนเองอย่างไร ซึ่ง บช.ภ.4 มีความโดดเด่นในเรื่องของการป้องปรามและปราบปรามยาเสพติด โดยมีผลการดำเนนิงาที่เป้นรูปธรรมและชัดเจนที่ จ.หนองบัวลำภู และ จ.ร้อยเอ็ด ทั้งหมดจึงเป็นต้นแบบที่จะถูกนำไปต่อยอดเพื่อสร้างโครงข่ายในการดำเนินงานสนองต่อนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันในการกำหนดพื้นที่เป้าหมายควบคุมยาเสพติด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำหนดแล้วที่เชียงใหม่ เชียงรายและนครพนม จึงเป็นเป้าหมายที่ตำรวจจะต้องเพิ่มความเข้มงวดและข้มข้นในการซีลพื้นที่อำเภอเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ลักลอบและนำเข้ามาในประเทศไทยโดยเด็ดขาด

“สำหรับคลิปของข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.สุราษฎ์ธานี บช.ภ.8 ที่เผยแพร่ว่าสูบบางอย่างและมีควันพวยพุ่งออกมานั้น ผมได้สั่งการให้ ผบช.ภ.8 และ ภ.จวสุราษฎ์ธานี นำเจ้าตัวและครอบครัว มาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าสูบอะไร,สูบที่ไหน บ้านพักหรือในโรงพัก,ใครถ่าย,ถ่ายทำไมและใครเผยแพร่ ซึ่งการตรวจร่างกายหรือตรวจหาสารเสพติดนั้นเชื่อว่า ภ.จว.สุราษฎ์ธานีนั้นดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นการสอบสวนซ้ำในแนวทางทีกำหนดไม่ใช่การช่วยเหลือแต่เป็นการสอบสวนเพื่อความชัดเจนซึ่งหากพบผิดผมจะดำเนินการทางวินัยและอาญาทันที เพราะจรรยาบรรณตำรวจและวินัยตำรวจนั้นมีข้อกำหนดที่ชัดเจนอยู่แล้ว”

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า การสืบสวนสอบสวนเอาผิดในคดีครูเจี๊ยบนั้นขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดได้เพราะเป็นงานสอบสวน ซึ่งตนเองคุมงานปราบปรามได้เดินทางไปที่ บช.น.เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าวจริงและพบว่าตำรวจท้อที่และตำรวจสายตรวจดำเนินงานชัดเจนและถึงที่เกิดเหตุหลังรับแจ้งภายใน 3 นาที และดำเนินการตามยุทธวิธีตำรวจอย่างรัดกุมและรอบคอบ อีกทั้ง บช.น.มีการกำหนดพื้นที่และเฝ้าระวังเหตุทะเลาะวิวาทได้อย่าสงครบถ้วน ดังนั้นการสอบสวนเอาผิดคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีนั้นชุดสืบสวนสอบสวนได้ดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว