“มนพร” ลงพื้นที่ตรวจโครงข่ายคมนาคมทางน้ำ จ.เชียงราย พัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้ประชาชน-เกษตรกรในพื้นที่

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ติดตามโครงการบริหารจัดการส่งออกสัตว์มีชีวิตของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทางน้ำ การขุดลอก และก่อสร้างโป๊ะเทียบเรือ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ โดยมีนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะได้ลงพื้นที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำในอนุภูมิภาคลุ่มเเม่น้ำโขงที่ได้มาตรฐานสากล เป็นประตูการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน ระหว่าง 4 ประเทศคือ ไทย จีน สปป.ลาว และเมียนมา โดยติดตามการบริหารจัดการและความคืบหน้าการส่งออกสัตว์มีชีวิต รวมถึงเป็นสถานที่ใช้ลำเลียงปศุสัตว์เพื่อการส่งออก

นางมนพร กล่าวว่า สำหรับโครงการสัตว์ส่งออกท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) ได้ผ่านความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินโครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต (โคเนื้อ กระบือ สุกร) ผ่านที่ ทชส. ในพื้นที่ 1 บริเวณพื้นที่ท่าเรือแนวลาดฝั่งทิศใต้ ได้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยคาดการณ์ปริมาณสัตว์ส่งออกสุกร 15,000 ตัว/เดือน หรือ 180,000 ตัว/ปี โค กระบือ จำนวน 5,000 ตัว/เดือน หรือ 60,000 ตัว/ปี ส่งผลให้ ทชส. มีรายได้จากการดำเนินโครงการฯ เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกสัตว์มีชีวิตผ่านที่ ทชส. ต้องปฏิบัติตามแนวทางตามระเบียบของกรมปศุสัตว์และระเบียบพิธีการของกรมศุลกากรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การขนถ่าย เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยผู้ประกอบการต้องทำนัดหมายช่วงเวลาในการขนถ่ายสัตว์ล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง การล้างสิ่งปฏิกูลและฉีดยาฆ่าเชื้อ การขนย้ายโดยมีที่กั้นที่แข็งแรง ถ่ายเทอากาศได้ดี มีอุปกรณ์ช่วยขนสัตว์ขึ้นลง รวมทั้งการทำความสะอาดจุดขนถ่ายสัตว์ เมื่อดำเนินการขนถ่ายแล้วเสร็จ เป็นต้น

“ปัจจุบัน​โครงการส่งออกสัตว์มีชีวิต (โคเนื้อ กระบือ สุกร) ที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนได้เริ่มดำเนินการแล้ว​ โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง​กรมเจ้าท่า​และการท่าเรือฯ​ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินโครงการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม​ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเกษตรกรที่อยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบท่าเรือและอำเภอเชียงแสนตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้เน้นย้ำให้ดำเนินการตามแนวทางตามระเบียบของกรมปศุสัตว์และระเบียบพิธีการของกรมศุลกากร เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน” นางมนพร กล่าว

จากนั้นนางมนพรได้เดินทางไปติดตามการพัฒนาด้านคมนาคมทางน้ำในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนและความคืบหน้าโครงการขุดลอกต่างตอบแทนพื้นที่ภาคเหนือ โครงการขุดลอกแม่น้ำในประเทศ (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) รวมทั้งร่องน้ำเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การเดินเรือ การอุปโภคบริโภค และเพิ่มพื้นที่รับน้ำเพื่อใช้ในภาคการเกษตร โครงการก่อสร้างโป๊ะเทียบเรือจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นการพัฒนาท่าเทียบเรือให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักรด้วยเรือผ่านจุดผ่านแดนถาวร สามเหลี่ยมทองคำ (สบรวก) มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2567

นางมนพร กล่าวด้วยว่า หลังการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับทราบความคืบหน้าปัญหา อุปสรรค และผลสำเร็จในการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม เพื่อความสุขของประชาชนในทุกมิติ ทั้งด้านความสะดวก ความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ภายใต้มาตรฐานการให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากลและความปลอดภัยสูงสุด