นักวิชาการ มข.มั่นใจก้าวไกลเตรียมต่อสู้ในชั้นศาล หลัง กกต.ส่งคำร้องแล้ว เชื่อเหนื่อยและก็สู้เต็มที่พร้อมระบุ “ทักษิณ”กลับบ้านมาเพื่อบัญชาการรบกับก้าวไกล มากกว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 5 เม.ย. 2567 ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มข. เปิดเผยว่า ภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณารับคำร้องตามที่กกต. เสนอยื่นยุบพรรคก้าวไกล มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง พร้อมสั่งให้ยื่นเอกสารชี้แจงภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง ซึ่งโดยส่วนตัวมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลก็เตรียมการไว้แล้ว เพราะพรรครู้ถึงสถานการณ์และมีประสบการณ์ จากการถูกยุบพรรคอนาคตใหม่มาแล้วก็มีการเตรียมการ จากรุ่นสู๋รุ่น วันนี้จากรุ่น 3 จะไปรุ่น 4 จนถึงรุ่น 5 จึงทำให้พรรคเหนื่อยหน่อยในระยะนี้

“พรรคก้าวไกล ต้องทำงานในสภาฯ เพื่อพิสูจน์ถึงความสามารถในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านและอีกด้านหนึ่งก็คือทำงานในสภาให้เข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนเห็นสมรรถภาพของเขาให้เห็นคุณภาพการทำงานของเขา และสิ่งที่พรรคก้าวไกล จะต้องทำก็คือทำอย่างไรให้ตัวเองอยู่รอด ต้องแยกเป็น 2 ส่วนก็คือแก้ข้อกล่าวหาของ กกต. เรื่องของการล้มล้างการปกครองข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครอง 2 เขาก็เตรียมการความอยู่รอดของเขาก็คือการเตรียมกรรมการบริหารชุดใหม่คือเตรียมแกนนำชุดใหม่คนรุ่นใหม่รุ่น 3 รุ่น 4 ต่อไปซึ่งเป็นสิ่งที่เขาดำเนินการ อย่างไรก็ตามก้าวไกลต้องเดินหน้าต่อตามแนวทางตามอุดมการณ์ข แต่คิดว่าเขาคงได้บทเรียนในเรื่องของมาตรา 112 ตรงนี้ พรรคคงลดเพดานลง แต่ว่าแนวทางหลักๆเรื่องของการไปปฏิรูประบบราชการการกระจายอำนาจเรื่องการขจัดความเหลื่อมล้ำ เรื่องของการลดการผูกขาดของกลุ่มทุนเขาคงเดินหน้าเหมือนเดิมเดินหน้าตามแนวทางอุดมการณ์ของเขาก็คือตามแนวทางประชาธิปไตยแบบเสรีก็คงเดินหน้าต่อ ส่วนความนิยมจากประชาชนของพรรคก้าวไกลนั้น มีเพิ่มมากขึ้น เพราะมีการสำรวจของอีสานโพล ปรากฏว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลของภาคอีสานสูงสุดเหนือชนะพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีอะไรสะดุดในการทำงานของเขาแล้วสมมุติว่าถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้าเชื่อได้เลยว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนท่วมท้นมากกว่าที่เขาได้ 151 เสียงทั้งน่าจะเกิน 250 เสียงขึ้นไป”

รศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า การยุบพรรคตอนนี้ เป็นเรื่องของการต่อสู้กันเองระหว่างแนวคิดอนุรักษ์นิยมกับเสรีนิยม ตอนนี้เพื่อไทยเดินไปในเส้นทางอนุรักษ์นิยมค่อนข้างชัดเจนแล้วและก็พยายามหาทางกำจัดคู่แข่งคู่แข่งที่สำคัญของเขา ก็คือพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญคิดว่าถ้าไม่มีอะไรมาสะดุดพรรคก้าวไกลก็จะชนะท่วมท้นก็คือจะได้ใจจากประชาชน อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาจจะเบื่อหน่ายเกี่ยวกับเรื่องที่เลือกตั้งมาแล้ว และก็มาถึงเรื่องของการโดนยุบพรรค ประชาชนก็จะมีความรู้สึกเช่นนั้นแต่ว่าประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น อันนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะว่าอยากให้เห็นการเมืองดีๆแล้วก็มองว่าพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่เป็นพรรคการเมืองที่บริสุทธิ์สะอาดและก็นำและสร้างการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ที่ชัดเจนเห็นความตั้งใจของคนรุ่นใหม่และก็คนรุ่นใหม่ก็หลายคนที่มีพื้นฐานความรู้ ที่ดีมากและมีความตั้งใจที่จะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับประเทศ

“ความนิยมของเขาจากเมื่อก่อน 14 ล้านเสียงในปี 2566 ที่มีการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาท่านเน้นนิยมของเขาซึ่งประชาชนสนับสนุนของเขาก็ 14 ล้านเสียงกว่าซึ่งตอนนี้ได้ประเมินกันว่ามากกว่า 20 ล้านแล้วและทุกวันคะแนนนิยมก็เพิ่มมากขึ้นจากสำนักต่างๆจากการสำรวจทั้งจากออนไลน์และก็การสำรวจที่เป็นทางการจากในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อย่างไรก็ตามคิดว่าในภาคอีสานพรรคเพื่อไทย ก็จะแพ้ให้กับพรรคก้าวไกลเหมือนกับในทางภาคเหนือที่พรรคเพื่อไทยแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทยก็คือ เชียงใหม่ก็แพ้ราบคาบให้กับก้าวไกล ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยหวังอย่างมาก เลยต้องส่งคนบ้านไกลกลับมา ซึ่งคนบ้านไกลต้องกลับมาเพราะส่วนหนึ่งก็ต้องปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ต้องมาบัญชาการรบเพื่อเอาชนะก้าวไกลให้ได้”