สภาพอากาศแปรปรวน โลกร้อนขึ้นจริง หรือแค่เปลี่ยนแปลงตามวัฎจักร

ความแปรปรวน เปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สร้างปัญหาไปทั่วโลก เห็นได้จากภัยธรรมชาติ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา  ประเทศไทยประสบกับภัยธรรมชาติทั้งภัยแล้ง อากาศที่ร้อน เกิดพายุ ดินถล่ม  ภัยน้ำท่วม และน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งประชาชนต้องติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ ชาวกทม.ต่างก็บ่นกันระงมกับปัญหาฝนตก น้ำท่วม รถติด จนการจราจรเป็นอัมพาตเดินทางแสนลำบาก โดยร่องมรสุมยังคงมีกำลังแรงปกคลุมประเทศไทยทำให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องถึงวัน ที่ 2 ตุลาคม 2555  ที่มีฝนตกหนักใน กทม.มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า จนไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน

ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศยังส่งผลต่อ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก  มีการพยากรณ์จากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ว่า ช่วงนี้ (ปลายเดือน ก.ย. นี้ไปจนถึงต้นเดือน ต.ค.) หลายพื้นที่จะเกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ  เกิดฝนตกชุกกว่าปกติ โดยปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีกำลังอ่อน จะก่อตัวมีกำลังแรงขึ้นในเดือน ก.ย. และต.ค.และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกินเวลานานจนถึงสิ้นฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเช่นนี้ทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยก็คงหาทางรับมือต่อไป โดยจะสลับกันเกิดแต่ละภาคในแต่ละพื้นที่  นอกจากจะประสบกับปัญหาที่น้ำมากผิดปกติในช่วงฤดูฝนแล้ว ยังคงต้องเตรียมใจรับสภาพกับภัยแล้งเมื่อน้ำลด เพราะการบริหารจัดการน้ำที่ปล่อยน้ำทิ้งเกือบหมดเขื่อนนั้นอาจจะเกิดสภาวะ ภัยแล้ง

นายสมิทธ ธรรมสโรช

นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ปลายนี้ กับปีหน้าลมสุริยะจะรุนแรงขึ้น ตามที่ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรประจำองค์การนาซ่า ระบุว่าจะเกิดพายุสุริยที่กระทบต่อโลกรุนแรงกว่าทุกปี เป็นเรื่องที่่คนไทยควรหาความรู้รับมือด้วยตนเองดีกว่าพึ่งพามาตรการจาก รัฐบาล ภัยธรรมชาติเกิดรุนแรงขึ้นทุกด้าน…

ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณอะไรถึงมนุษย์ เหตุใดจึงมีความแปรปรวนเช่นนี้ทุกๆปี

อย่างไรก็ตามหากจะมองเป็นเรื่องของธรรมชาติ ก็จะเห็นว่า ธรรมชาติกำลังส่งผลกระทบต่อมนุษย์ ทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมหาศาล เพราะธรรมชาติไม่เคยปราณี และเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิจัยร่วมในองค์การนาซา กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกจะละลายมากขึ้น ทำให้ก๊าซมีเทนผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 21 เท่า

ขณะเดียวกันก็มีนักวิทยาศาสตร์ที่มองว่า การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกนั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติที่มักจะเกิดขึ้นพัน ล้านปีมาแล้ว โลกมีอุณหภูมิร้อนและเย็น สลับกันมาเป็นเวลานาน เป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศตามวัฎจักร เและช่วงเวลาในปัจจุบันเป็นเพียงจุดเล็กๆของช่วงเวลาที่จะต้องรับสภาพ แก้ไขปัญหาเท่านั้นเอง ภาวะโลกร้อนขึ้นจึงเป็๋นเพียงวาทะกรรมที่โหมประโคมข่าวก่อนที่จะถึงวันสิ้น โลก

ที่มา : Mthai News

โลกร้อน