เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 พ.ค. 2567 ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจะใช้เทคนิคทางกฎหมายทุกทางเพื่อให้ตนเองรอด เพราะเคยประกาศไว้ว่าจะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว คงเตรียมทางทีมทนายไว้แล้ว ถ้าศาลสั่งจำคุกก็จะขอประกันตัว และโดยส่วนตัว เชื่อว่าศาลจะให้การประกันตัวและนายทักษิณจะต่อสู้ทั้ง3 ศาล คือ ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ,อุทธรณ์ และศาลฎีกา ซึ่งกว่าศาลจะตัดสินถึงศาลฎีกา คงใช้เวลายืดเยื้ออีกนานเป็นมหากาพย์และก็เชื่อว่านายทักษิณคงทราบดีว่าตนเองน่าจะถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี112 จึงมีแผนสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว
“ไม่เชื่อว่านายทักษิณจะเดินทางออกนอกประเทศรอบสอง เพราะตอนนี้สถานะของนายทักษิณ อยู่ในประเทศไทยดีอยู่แล้ว มีที่อยู่หลักแหล่ง มีอำนาจ บารมี การต่อสู้ในประเทศน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หากออกนอกประเทศโอกาสที่จะได้กลับมาครั้งที่สองก็ยากขึ้น เชื่อว่าเรื่องนี้นายทักษิณมองขาดตั้งแต่แรกว่าคดีนี้จะสู้ไปอีกยาว จึงไม่คิดหนี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาทบทวนว่าจะนำคดี112 เข้ามาอยู่ในพรบ.นิรโทษกรรมหรือไม่ เป็นไปได้ว่าพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้มาตลอด ต้องการให้นิรโทษกรรมนักกิจกรรม นักเคลื่อน ซึ่งไม่ควรติดคุกเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น ส่วนเพื่อไทยอาจจะใช้โอกาสนี้พ่วงนายทักษิณให้หลุดจากคดี112 ด้วยช่องทางพ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็ได้”
ผศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า คดี112 ไม่ได้กระทบกับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง หรือ กลุ่มบ้านใหญ่ต่างๆที่อยู่ในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย แต่จะกระทบในแง่ของภาพลักษณ์ในทางลบของนายทักษิณ เช่นการมีดีลลับกับกลุ่มอำนาจเก่า การไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เรื่องปัญหาสุขภาพที่สังคมสังสัย สิ่งเหล่านี้เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับนายทักษิณ สังคมส่วนใหญ่รับไม่ได้ และหลายคำพูดที่ทำไม่ได้ เช่นกลับมาเลี้ยงหลาน สุดท้ายกลับมาเดินเฉิดฉายในเวทีการเมือง รัฐมนตรี มวลชน ห้อมล้อม หลายพฤติกรรมของนายทักษิณ ไม่เป็นไปตามที่พูด
“ภาพลักษณ์ของนายทักษิณตอนนี้ไม่ต่างจากนักแสดงละครเรื่องหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นตัวตลก ที่ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ต่างจากนายทักษิณ ในอดีตเมื่อ20ปีก่อน กลายเป็นว่าการกลับมาของนายทักษิณ ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยดีขึ้นเลย เห็นได้จากผลโพลล่าสุด ของพระปกเกล้าโพลเปิดผลสำรวจ 1 ปีหลังเลือกตั้ง พบว่ากระแสก้าวไกลพุ่งกระฉูดกวาด 208 ที่นั่ง ส่วนเพื่อไทยลดฮวบเหลือ 105 ที่นั่ง และโพลสำนักอื่นๆก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าพรรคก้าวไกล คะแนนนิยมนำเพื่อไทยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผลโพลดังกล่าวชี้คะแนนของพรรคก้าวไกลพุ่งขึ้นต่อเนื่อง อาจจะส่งผลต่อกลุ่มอนุรักษ์นิยม หรือฝ่ายตรงข้ามหาทางกลั่นแกลงไม่ให้มีการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วงอย่างมาก และโดยส่วนตัวเชื่อว่าหากเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกลอาจจะได้ส.ส.เกิน 250 เสียงอีกด้วย”