กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย, 31 พฤษภาคม 2024 – ผู้นำและตัวแทนทั้งจากภาครัฐ เอกชน และผู้นำในแวดวงธุรกิจจากสหรัฐฯ และไทย เข้าร่วมงาน การประชุมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทย-สหรัฐอเมริกา 2024 ซึ่งจัดโดยหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM), หอการค้าไทย และหอการค้าสหรัฐอเมริกา (U.S. Chamber of Commerce)
ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย “ประเทศไทยเปิดรับและพร้อมเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือให้กับสหรัฐฯ” พร้อมกับกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลชุดนี้มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมกับสหรัฐฯ ทั้งในระดับทวิภาคีและกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการลงทุนมากยิ่งขึ้น” นอกจากนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ Kurt Campbell และอุปทูต Gwendolyn Cardno จากสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้กล่าวแก่ผู้ร่วมงานโดยมีสาระสำคัญเน้นย้ำถึงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวนำเข้าสู่การประชุมโดยได้พูดถึงประเด็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาทรัพยกรมนุษย์
ผู้นำของทั้งสามหอการค้า ได้แก่ ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย อรกัญญา (มุก) พิบูลธรรม ประธานหอการค้าไทย สนั่น อังอุบลกุล และผู้อำนวยการบริหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของหอการค้าสหรัฐอเมริกา John Goyer ได้ร่วมกันเน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ “ประเทศไทยและสหรัฐฯ มีเรื่องราวความสัมพันธ์และความร่วมมือใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน หากจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเรา สามารถมองย้อนกลับได้ไปถึงปี 1833 ด้วยสนธิสัญญามิตรภาพ (Treaty of Amity) และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหมุดหมายที่ทั้งสองประเทศยึดมั่นซี่งแสดงความร่วมมือที่ยั่งยืนของเราทั้งสองประเทศ”
ในปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และไทยได้รับความสนใจมากขึ้น โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศได้ยื่นมือให้การสนับสนุน นายกรัฐมนตรีเศรษฐาได้พบปะกับผู้นำธุรกิจสหรัฐฯ หลังจากการประชุมผู้นำ APEC ที่ซานฟรานซิสโกเมื่อปีที่แล้ว ดึงดูดความสนใจใหม่ในการลงทุนในประเทศไทยจากบริษัทสหรัฐฯ ทั้งในด้านเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูง และการดูแลสุขภาพ ในเดือนมีนาคม เลขาธิการการค้าของสหรัฐฯ Gina Raimondo ได้นำคณะของสภาการส่งออกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ (President’s Export Council) มาประเทศไทย เพื่อสำรวจโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับไทย ในมิติต่าง ๆ ทั้งความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain resiliency) เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสะอาด
จากแรงผลักดันที่เกิดจากการเยือนครั้งนั้น การประชุมด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทย-สหรัฐอเมริกา 2024 จึงเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะนำเสนอโอกาสในการลงทุนและเสนอคำแนะนำเชิงนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง เพื่อความร่วมมือในอนาคตต่อไป
ภายในงาน มีการเสวนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลของประเทศไทย ซี่งมีสาระสำคัญญครอบคลุมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการปกป้องข้อมูล รวมถึงความท้าทายด้านกฎระเบียบและกฎหมาย ความร่วมมือระดับโลก และการแก้ปัญหาการขาดแคลนทักษะ โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Microsoft, AIS, The Software Alliance (BSA) และ Cisco ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของมาตรฐานสากลที่ไทยควรพิจารณาและการกำหนดนโยบายที่รอบคอบ
ผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA), สำนักงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติ (NSCA), Amazon Web Services, True Corporation และ Meta ได้อภิปรายถึงบทบาทของเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และรัฐบาลในการกำหนดภูมิทัศน์ดิจิทัลในอนาคต
ผู้แทนเข้าร่วมการเสวนาจาก Cheniere Energy, Energy Absolute, Chevron และ Honeywell ได้ให้ข้อมูลเชิงลึก โดยมุ่งเน้นไปที่การรักษาตำแหน่งของประเทศไทยบนเวทีโลกในยุคพลังงานใหม่ และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเกิดใหม่ นวัตกรรม และความร่วมมือ ทั้งหมดได้อภิปรายถึงบทบาทของบริษัทสหรัฐฯ ในการบรรลุเป้าหมายพลังงานร่วมกัน
ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กลุ่มมิตรผล I Squared Capital และ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ได้อภิปรายถึงกลยุทธ์ในการส่งเสริมเร่งรัดนโยบายเศรษฐกิจศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ของประเทศไทย โดยกล่าวถึงความท้าทายด้านกฎระเบียบ แนวโน้มการลงทุน และวิธีการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียน
ผู้ร่วมอภิปรายยังได้อภิปรายถึงอนาคตของการทำงานในประเทศไทย ผลกระทบของสังคมผู้สูงอายุ การบูรณาการ AI และระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม ธุรกิจ และการทำงาน และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCG) บริษัทฟอร์ดมอเตอร์ (Ford Motor) สถานทูตสหรัฐอเมริกา และบริษัทเฮอร์เบิร์ธ สมิธ ฟรีฮิลส์ (Herbert Smith Freehills) ได้ให้คำแนะนำสำหรับบริษัทที่เป็นผู้นำในการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลง
การประชุมนี้ยังได้ก่อให้เกิดการอภิปรายเชิงลึกเกี่ยวกับนโยบายและโอกาสในการลงทุน โดยเน้นที่นวัตกรรมดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ความยั่งยืน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บางช่วงของการประชุมผู้เข้าร่วมได้มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมประชุม เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือและการประสานงานในอนาคต
การประชุมครั้งนี้ได้ยืนยันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา และวางรากฐานสำหรับความร่วมมือและการลงทุนในอนาคต