วันที่ 9 ส.ค. 67 ที่ สภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 มอบหมายให้ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ติดตามความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของนางเสงี่ยม กุณณา อายุ 71 ปี ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมภายในบ้าน ม.16 ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย มีชาวบ้านไปพบศพเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลของคดี
โดยในวันนี้พบว่ามีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดของบุคคลที่เข้า – ออกซอยบ้านของยายเสงี่ยม ในวงเย็นวันที่ 4 สิงหาคม จนถึงช่วงเช้าวันที่ 5 สิงหาคม พบว่า ในช่วงเวลา 20.30 น. รถจักรยานยนต์ปริศนาคันที่ 2 ได้ขี่เข้าไปในซอย จากนั้น เวลา 20.35 น. รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน รถมอเตอร์ไซค์ปริศนาคันที่ 2 ได้ขี่ออกจากซอย เวลา 03.20 น. จะเห็นชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้บ้านยายเสงี่ยมเปิดประตูออกมาชะโงกดูสิ่งผิดปกติดเพราะได้ยินเสียงหวีดร้อง เวลา 04.28 น. รถจักรยานยน์ปริศนา ซึ่งเป็นคันสุดท้ายที่ขี่เข้าไปภายในซอยบ้านของยายเสงี่ยมก่อนถึงช่วงเช้า แลในช่วงเวลา 06.12 น. มีชายต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกไอ้โม่ง ขับเข้าไปภายในซอย เวลา 07.50 น. ผู้ต้องสงสัยคนเดิมขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากซอย
หลังจากการประชุมถึงความคืบหน้าของคดี พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ได้เผยกับผู้สื่อข่าว ว่า เหตุการณ์คนร้ายทำร้ายผู้สูงอายุเพื่อชิงทรัพย์ ทาง ผบช.ภ.5 ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ จึงมอบหมายให้ตน พร้อมกับทีมงานสืบสวนภาค 5 มาร่วมทำงานกับทีมสืบสวนจังหวัดเชียงราย และทีมสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย เพื่อช่วยสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่เมืองเชียงราย และเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน สำหรับคนดีนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับแจ้งเหตุ ผบช.ภ.5 ก็ได้สั่งการให้ สภ.เมืองเชียงราย จัดชุดสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสจน์หลักฐาน ภ.จว.จังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ร่วมกับแพทย์ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อเก็บวัตถุหลักฐานในที่เกิดเหตุ เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากชุมชน อยู่ท้ายหมู่บ้าน เราจึงต้องเก็บพยานหลักฐานค่อนข้างจะละเอียด และศพผู้เสียชีวิตก็ส่งชันสูตรศพโดยแพทย์นิติเวช ผลการตรวจยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 5 ก็ส่งทีมงานทั้งสืบสวนและสอบสวน ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับ สภ.เมืองเชียงราย ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน
“ทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวผู้ที่อยู่แวดล้อมสถานที่เกิดเหตุมาให้ข้อมูล รวมทั้งผู้มีประวัติพ้นโทษ หรือมีประวัติอาชญากร และพื้นที่สืบสวนทุกกลุ่ม เพื่อสอบสวนให้ครอบคลุมในทุกประเด็น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกลุ่มใดเป็นพเศษ ซึ่งคนร้ายอาจจะเป็นคนรู้จักกับผู้ตาย เคยเข้าไปในบ้าน หรืออาจจะไม่ใช่คนในพื้นที่ ที่ประสงค์ต่อทรัพย์ก็ได้ เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ปลอดจากผู้คน การรวมรวมพยานหลักฐาน เราต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ซึ่งจากการตรวจสอบก็มีทั้งรอยเท้าที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย รอยเลือดในที่เกิดเหตุ และบาดแผลตามตัวผู้เสียชีวิต” รอง ผบช.ภ.5 กล่าว
รอง ผบช.ภ.5 กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ชุดสายตรวจ รวมถึงชุดปฏิบัติการพิเศษ เพิ่มความเข้มข้นในการลงพื้นที่ตรวจตราบริเวณที่เกิดเหตุ ก็อยากจะฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่าในกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความสำคัญและเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราอยู่แล้ว ส่วนการเรียกสอบตอนนี้ได้เรียกผู้อยู่แวดล้อมที่เกิดเหตุและผู้ต้องสงสัยมาให้ข้อมูลมากกว่า 10 ปากแล้ว คาดว่าคนร้ายน่าจะมีแค่คนเดียว โดยประเด็นชิงทรัพย์ก็เป็นประเด็นสำคัญต้นๆในการก่อเหตุ แต่ประเด็นอื่นๆเราก็ไม่ได้ตัดทิ้ง อย่างเช่นประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว ประเด็นความขัดแย้งในครอบครัว ก็ยังไม่ได้ตัดทิ้งแต่อย่างใด
จากนั้น พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งมีชาวบ้านมารออยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก เพราะคิดว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วและจะนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ด้าน น.ส.จิตตนันท์ กุณณา อายุ 42 ปี ลูกสาวคนเล็กของผู้ตาย เผยว่า ตนและลูกสาวไปมีครอบครัวอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ส่วนพี่สาวอยู่ที่ จ.มหาสารคาม นานๆทีถึงจะกลับบ้านสักครั้ง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุเศร้ากับแม่แบบนี้ หากคนร้ายยังมีจิตสำนึกความเป็นคนอยู่ ก็อยากให้เขามามอบตัว ส่วนเรื่องว่าจะอโหสิกรรมให้หรือไม่ ตนคงตอบไม่ได้ ทางครอบครัวพยายามปกปิดข่าวการตายไม่ให้ยายรู้ (แม่ของผู้ตาย) เพราะยายอายุเยอะแล้ว และมีโรคประจำตัวด้วย สำหรับพิธีศพจะมีการฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 11 ส.ค. นี้
รอง ผบช.ภ.5 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่านยังมีข้อสงสัยอยู่ ก็จะดูพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ได้มาว่าสอดคล้องกับในที่เกิดเหตุหรือไม่ เพื่อจะนำมาประมวลในการสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าอาวุธน่าจะเป็นของแข็ง ไม่มีคม มีร่องรอยตามเนื้อตัวผู้ตายหลายจุด ทั้งบริเวณศรีษะ และลำตัว โดยคนร้ายเข้าทางหน้าต่างด้านหน้าบ้าน ซึ่งอาจจะไม่ได้ล็อคไว้ ส่วนช่วงเวลาการเสียชีวิตยังต้องรอผลตรวจที่ชัดเจนจากนิติเวช แต่คาดว่าไม่น้อยกว่า 6 ชม. ก่อนจะพบศพ