มท.จับมือ กษ.นำชาวบ้านปลูกต้นอะคาเซีย บนคันนา และพื้นที่เปล่า แก้ปัญหาดินเค็มให้ได้อย่างยั่งยืน พร้อมเติมงานวิชาการทำการเกษตรที่เหมาะกับสภาพพื้นที่และตรงตามความต้องการของตลาด

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 ก.ย./ถึ น.ส.อัญชนิดา กมลเพ็ชร พัฒนาการ จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นางเอกหทัย พนมอุปถัมภ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ บ.วังคูณ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งได้รวมตัวกันทำการปลูกต้นอะเคาเซีย หรือกระถินออสเตเรีย แก้ดินเค็ม ตามความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาที่ดินกับเกษตรกรในพื้นที่ อ.หนองสองห้อง ในการแก้ไขปัญหาดินเค็มอย่างยั่งยืน โดยมีนายเทวากร พรมสวักดิ์ ผช.ผญบ.บ.วังคูณ ม.4 ในฐานะประธานกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ บ.วังคูณ นำคณะลงพื้นที่ติดตามการเพาะปลูกต้นกล้าและการแก้ไขปัญหาดินเค็มในพื้นที่
นายเทวากร พรมสวัสดิ์ ประธานกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ บ.วังคูณ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า พื้นที่ องหนองสองห้อง ประสบปัญหาเรื่องดินเค็ม เช่นเดียวกันกับพื้นที่ อ.รอบข้างและจังหวัดใกล้เคียงในย่านนี้ โดยเฏษตรกรได้หาวิธีแก้ดินเค็ม เพื่อทำการเกษตร โดยเฉพ่ะกับการปลูกข้าว,ปลูกผักและผลไม้ที่เหมาะกับสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะฝรั่งกิมจู ที่ให้ผลผลิตที่ดี จนกลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของชุมชนตามการส่งเสริมของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการร่วกันแก้ปัญหาดินเค็มที่ยั่งยืน จึงได้มีการศึกษาในด้านวาการ จนมาเป็นแนวทางการส่งเสริมการปลูกต้นอะคาเซียแก้ดินเค็มในพืนที่ในสัดส่นที่เพิ่มขึ้นโดยเริ่มจากปี 2566 ที่ผ่านมา
“ เมื่อหน่วยงานรัฐเข้ามาส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในการใช้ต้นอะคาเซีย หรือต้นกระถินออสเตเรีย มาปลูกในพื้นที่ โดยเริ่มจากากรปลูกตามคันนาและพื้นที่ว่างแทนต้นไม้ประเภทอื่น ซึ่งนอกจากร่มเงาที่ชาวบ้านได้รับแล้ว ยังคงแก้ปัญหาเรื่องดินเค็มได้อย่างดีและที่สำคัญลำต้นของต้นอะคาเซียยังสามารถนำไปจำหน่ายให้กับกลุ่มโรงงานในธุรกิจอุตสาหกรรมกระดาษได้อีกด้วย ทำให้วันนี้ชาว อ.หนองสองห้อง ได้ทำการปลูกต้นอะคาเซีย บนคันนาและพื้นที่ว่างเปล่าและนับพันไร่ เพราะต้นอะคาเย นั้นสามารถนำไปปลูกลงดินๆด้ตั้งอายุ 2 เดือน และ เมื่ออายุครบ 3 ปีขึ้นไปก็ตัดไปจำหน่ายได้อีกด้วย”
ขณะที่ นางเอกหทัย พนมอุปถัมภ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านในเขต อ.หนองสองห้อง ร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหาดินเต็มอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นส่วนใหญ่เค็มและทำการเกษตรได้เฉพาะทาง ขณะเดียวกันชาวบ้านยังคงได้มีรายได้เสริมจากการปลูกต้นกล้าของต้นอะคาเซีย ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินนั้นมาส่งเสริมและให้กลุ่มเกษตรกรฯในพื้นที่นั้งจัดทำเป็นต้นกล้าส่งให้กับหน่วยงานรัฐหรือเกษตรกรที่ต้องการมารับต้นอะคาเซียไปปลูก ซึ่งก็ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ในการปลูกเพาะต้นกล้าเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย และทราบมาว่าต้นกล่าอะคาเซียที่ บ.วังคูณนั้นมีกว่า 200,000 ต้น อย่างไรก็ตามเมื่อต้นกล้าพร้อมที่จะลงปลูก จะมีการประสานงานร่วมกันทุกฝ่ายในการทยอยนำต้นอะคาเซียไปปลูกในพื้นที่ที่ขอรับการแก้ไขปัญหา ทั้งในเขต อ.หนองสองห้อง รวมทั้งพื้นที่อำเภอหรือจังหวัดใกล้เคียงตามแนวทางกรแก้ไขปัญหาดินเค็มและส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้จากภาคการเกษตรหรือการสร้างคามเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนโดยเฉพาะกับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ขณะนี้ทั้ง 26 อำเภอของ จ.ขอนแก่น มีผผลิตจากการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวอย่างสัมฤทธิ์ผลและสามารถที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนตามนโยบายของรัฐบาลในการเป็นครอบครัวตัวอย่างได้อย่างดีอีกด้วย