เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ที่ห้องพลอยไพลิน โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยราชการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วรพัฒน์ บุญมา ผบก.ตชด.ภาค 3 พ.ต.อ.จักริน พิริยะจิตตะ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการสกัดกั้น กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายกฤษณ์ ภู่ประดิยุทธกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ นายสราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภ.6 นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 และฝ่ายปกครอง จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน และแม่ฮ่องสอน ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ภายหลังจากรัฐบาลต้องการให้ปัญหายาเสพติดลดลงให้ได้ภายใน 1 ปี โดยกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 11 อำเภอ ชายแดนของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย และได้กำหนดพื้นที่เพิ่มเติมอีก 7 อำเภอชายแดนของจังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา และน่าน รวมเป็น 18 อำเภอใน 6 จังหวัด
โดยในวันที่ 9-10 กันยายน 2567 ได้จัดประชุมทบทวนผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในกลไกที่บูรณาการงานร่วมกัน อาทิ หน่วยงานทหาร (กองกำลังผาเมือง,กองกำลังนเรศวร) ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรภาค 6 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ฝ่ายปกครองในพื้นที่ รวมถึงสำนักงาน ปปส. ภาค 5 และ ปปส. ภาค 6 เพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมาและเตรียมวางแผนงานการดำเนินงานในปี 2568 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไป
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่ผ่านมานั้น ดำเนินการ สกัดกั้น ปราบปรามขยายผล ป้องกันยาเสพติด อย่างเข้มข้น มีเหตุปะทะ 44 ครั้ง กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 31 ศพ ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ปริมาณของกลางยาบ้า 256 ล้านเม็ด ไอซ์ 2,682 กก. เฮโรอีน 375 กก. ฝิ่น 206 กก. และคีตามีน 21 กก.จับกุมผู้ต้องหาได้ 1,607 ราย รวมทั้งการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ และสืบสวน ขยายผล ยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติด จำนวนกว่า 94.33 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการจัดระเบียบหมู่บ้านชายแดน สถานประกอบการ สถานบันเทิงในพื้นที่ และได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพแกนนำหมู่บ้าน/ชรบ. ในพื้นที่ชายแดน และส่งเสริมให้ ชรบ. ปฏิบัติการตรวจตราเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้าน
ในปีงบประมาณ 2568 จะดำรงความต่อเนื่องในการสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล เพื่อให้ปัญหายาเสพติดลดลงให้มากที่สุด จนไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย และนำความปลอดภัยมาสู่พี่น้องประชาชน ซึ่งด้านการสกัดกั้นยาเสพติด ฝ่ายทหาร จะกำหนดกลยุทธ์และเอกภาพการบัญชาการในพื้นที่ โดยจะบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจเพื่อแบ่งมอบพื้นที่และภารกิจให้สอดคล้องกับหน่วยงานป้องกันชายแดน ในส่วนด้านงานปราบปราม จะใช้กลยุทธ์การประสานงานข่าวยาเสพติดชายแดนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อกำหนดสภาพแวดล้อม บีบบังคับ กำจัดเสรีการปฏิบัติของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด จนนำไปสู่การจับกุมและยึดทรัพย์เครือข่ายการค้ายาเสพติด เพื่อลดทอนศักยภาพของเครือข่ายการค้ายาเสพติด ส่วนด้านการป้องกันยาเสพติด เน้นการเสริมสร้างหมู่บ้าน/ชุมชนชายแดน ให้มีความเข้มแข็ง รวมถึงการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะใช้กลไกความร่วมมือในระดับท้องถิ่นบริเวณชายแดน เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงสถานการณ์ความรุนแรงและปัญหายาเสพติดร่วมกัน และให้ความร่วมมือในการจับกุมผู้กระทำผิดยาเสพติดที่หลบหนีหมายจับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นำกลับมาลงโทษเพื่อตัดวงจรการค้าและการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ต่อไป