ค่ำวันที่ 18 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา นายพงษ์พันธ์ ไชยพรหม อายุ 23 ปี ญาติของหนึ่งในผู้เสียหายจาก บริษัทดิ ไอค่อน กรุ๊ป (The iCON Group) นำหลักฐานมาพบ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ โดยมี ร.ต.อ.เมที หน่อแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านดู่ เป็นผู้รับแจ้งความ หลังจากที่ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้สนองนโยบายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งการให้แต่ละสถานีตำรวจ เปิดจุดบริการรับแจ้งความในกรณีดังกล่าวโดยเฉพาะ
นายพงษ์พันธ์ ไชยพรหม อายุ 23 ปี ให้ข้อมูลว่า นายธนพงษ์ชัยวัฒน ไชยพรหม อายุก่อนเสียชีวิต 56 ปี บ้านเลขที่ 249 ม.8 ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย พ่อของตน ได้นำเอาเงินเก็บไปลงทุนในธุรกิจดิไอค่อน โดยมีภาพหลักฐานการไปร่วมทำกิจกรรม และยังมีภาพถ่ายคู่กับบอสพอล ซึ่งหลังจากพ่อเข้าไปลงทุนดับบริษัทดังกล่าวเมื่อปี 2560 ก็ได้มาชักชวนแม่ อา รวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นให้ร่วมลงทุน และมีการลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ จากที่เคยมีเงินเก็บ มีบ้าน มีรถยนต์ 3 คัน จนทุกอย่างสูญไปกับการลงทุนของพ่อ จนมาระยะหลังพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันเรื่องที่พ่อไปลงทุนดังกล่าว จนครอบครัวมีปัญหาการเงิน ตนและน้องสาวเลยไม่ได้เรียนต่อ สุดท้ายแม่ก็เลยขอหย่ากับพ่อ จากนั้นพ่อก็ไปอาศัยอยู่ที่วัดใกล้บ้าน ก่อนที่สุดท้ายจะคิดสั้นแขวนคอตายในวัด เมื่อช่วงเดือน เม.ย. 63 หรือประมาณ 4 ปีกว่ามาแล้ว
นายพงษ์พันธ์ ไชยพรหม กล่าวอีกว่า ตอนนั้นยังเด็ก ไม่รู้ว่าพ่อไปทำธุรกิจอะไรจนนำมาสู่ปัญหาชีวิต และแม่ก็ไม่เคยเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะตอนนั้นแม่อยากให้พวกเราตั้งใจเรียนหนังสือ จนได้ทาบข่าวดิไอค่อน จึงจำได้ว่าเคยเห็นภาพของพ่อตอนไปร่วมกิจกรรม และมีภาพตอนพ่อถ่ายรูปร่วมกับบอสพอล จึงคิดว่าการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าวอาจเป็นชนวนเหตุพาไปสู่ปัญหาชีวิต เพราะปัญหาอย่างอื่นคงไม่ทำให้พ่อคิดสั้นแบบนี้ หลังจากมีข่าวดิไอค่อน อาได้บอกว่าพ่อของเคยชักชวนอาให้เอาเงินไปลงทุนกับดิไอค่อนเหมือนพ่อ ตนจึงรวบรวมหลักฐานมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว หลังจากนี้ตนจะไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และจะนำมาส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง และตั้งใจจะเดินหน้าดำเนินคดีกับบริษัทขายตรงดังกล่าวให้ถึงที่สุด
“ที่ผ่านมา ตนกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว แต่เพิ่งมาทราบว่าหากเราแจ้งความผ่านทางเจ้าหน้าที่ จะไม่มีค่าใช้จ่ายไดๆ ทางตนก็เลยรู้สึกดีใจมากๆ อยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ดูแลแนะนำตนเป็นอย่างดี” นายพงษ์พันธ์ กล่าว
พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ เปิดเผยว่า จากคำสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ที่ต้องการให้ทุก สภ. เปิดจุดรับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีเกี่ยวกับดิไอค่อนกรุ๊ป ซึ่งในส่วนของ สภ.บ้านดู่ มีผู้เสียหายทะยอยมาแจ้งความเรื่อยๆ โดยเข้ามาแจ้งความด้วยตนเองจำนวน 7 เคส และคนที่แจ้งความผ่านระบบออนไลน์จำนวน 3 เคส รวมแล้วตอนนี้มีทั้งหมด 10 เคส มูลค่าความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาท แต่ในภาพรวมทั้งจังหวัดตอนนี้มีผู้เสียหายรวม 62 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท ซึ่งยอดเสียหายสูงสุดก็อยู่ที่ สภ.บ้านดู่ เพราะมีผู้เสียหายรายหนึ่งสูญเงินไปในการลงทุนกับบริษัทดังกล่าวประมาณ 3.5 ล้านบาท ซึ่งทุกเคสเราถือว่าเป็นผู้เสียหายเหมือนกันหมด เราให้ความสำคัญในทุกเคสเท่าๆกัน เราจะพยายามช่วยเหลือผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ ให้เขาได้เห็นว่ายังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ข้างประชาชน
“ทาง รักษาการณ์ ผบ.ตร. ผบช.ภ.5 และ ผบก.ภ.จว.เชียงราย สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจให้เปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดังกล่าว เพื่อลดขั้นตอน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย จะได้ไม่ต้องเดินทางไปแจ้งความที่ บชก. ซึ่งคดีนี้ บก.ปคบ. เป็นเจ้าภาพในการดำเนินคดี โดยให้ทุกโรงพักรับแจ้งความและรวบรวบหลักฐานทุกอย่างของผู้เสียหาย และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางไปดำเนินการด้วยตนเองที่ กทม. และไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไดๆ ทั้งสิ้น”ผกก.สภ.บ้านดู่ กล่าวว่า