วันที่ 22 ต.ค.67 เจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นำกำลังเข้าทำการตรวจสอบบริเวณที่ดินของไร่เชิญตะวัน บ้านใหม่สันป่าเหียง ม.25 ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย อีกครั้งหลังจากได้รับการร้องเรียนว่าอาจมีการใช้ประโยชน์ในที่ดินเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต โดยวันนี้ นายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ได้นำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ ปทส. ตำรวจสอบสวนกลาง และ จากสำนักพุทธศาสนาจังวัดเชียงราย เข้าทำการตรวจพื้นที่อีกรอบ โดยครั้งนี้ได้มีการเชิญทางกลุ่มผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น นายกเทศมนตรี อบต.ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านที่มีที่ดินทำกินอยู่บริเวณโดยรอบไร่เชิญตะวันมาร่วมในการตรวจด้วย
โดยนายประสิทธิ์ ได้ชี้แจงเจ้าหน้าที่ชุดตรวจว่าการดำเนินการวันนี้เป็นการตรวจตามหมุดหมายเดิมซ้ำทั้งหมด หลังจากวันก่อนหน้านี้มีการตรวจเพียงส่วนของเจ้าหน้าที่และของทางไร่ เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงสมบูรณ์และรับรู้กันทุกฝ่ายจึงเชิญผู้ที่ส่วนข้องทั้งหมดมาร่วมกันตรวจสอบใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นการตรวจวัดตามแนวเขตที่ทางกรมป่าไม้ได้มีการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ โดยแต่ละแปลงจะมีการปักหมุดและขึ้นป้ายกำกับไว้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการสำรวจอย่างละเอียดเพื่อนำข้อมูลไปประเมินผล ส่วนผลที่ได้จะออกมาอย่างไรนั้นจะมีการเสนอไปทางกรมให้รับทราบ ซึ่งทางอธิบดีจะชี้แจงให้ทราบต่อไป
นายอนรักษ์ แหนคำ ผู้ใหญ่บ้านใหม่สันป่าเหียง กล่าวว่า ในอดีตพื้นที่บริเวรไร่เชิญตะวันเป็นที่ชาวบ้านใช้ทำกินและทำไร่ทำสวนมาก่อน กระทั่งต่อมาได้มาขออนุญาตใช้พื้นที่ก็มีการเข้ามาปลูกป่าเองโดยชาวบ้านไม่ได้เข้ามาช่วย และชาวบ้านเองก็ไม่ได้มาทำกิจกรรต่างรวมถึงกิจกรรมทางศาสนาด้วยเพราะที่หมู่บ้านก็มีวัดประจำและที่นี่ก็อยู่ห่างจากหมู่บ้านไกลถึง 7 กิโลเมตร ต่อมาก็มีการปรับเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม วิปัสสนา และกลายเป็นแหล่ง มีการทำถนนทางเข้า เมื่อก่อนเป็นที่รกร้างก็มีความเจริญมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว มาปฎิบัติธรรมและวิปัสสนาอย่างไม่ขาดสาย ถนนหนทางก็สะดวกสบายการมีไร่เชิญตะวันถือว่าดีต่อพื้นที่มากๆ ไม่มีชาวบ้านคัดค้านไม่ให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ หากการตรวจสอบมีผลถึงขั้นต้องยึดคืนพื้นที่หรือปิดที่นี่ก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
แม้กระแสของพระเมธีวชิโรดม หรือ พระ ว.วชิรเมธี ที่มีต่อกรณีดิไอคอนกรุ๊ปและมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้ที่ดินของไร่เชิญตะวัน จะค่อนข้างแรงในระยะนี้แต่ภายในไร่เชิญตะวันเองก็ยังเปิดบริการตามปกติ มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวและร้านจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มแก่ผู้มาเยือนตามปกติ ซึ่งตลอดทั้งวันก็ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวพากันทยอยมาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย แม้พระ ว.วชิรเมธี จะไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดก็ตาม
นางกาญจนา งามวงศ์วาน นักท่องเที่ยวที่ชาว จ.ชลบุรี กล่าวว่าพวกตนเดินทางมาเป็นคณะจาก จ.ชลบุรี ไปทอดกฐินที่ จ.ลำพูน และตั้งใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ไร่เชิญตะวันแห่งนี้อยู่แล้ว ตั้งที่จะมากราบพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี แต่ก็มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น พวกตนที่ตั้งใจกันอยู่แล้วก็ไม่เปลี่ยนใจที่จะเที่ยวมาชมความสวยงามและความร่มรื่นของไร่แห่งนี้ เสียดายอย่างเดียวที่ไม่โอกาสพบพระอาจารย์ โดยส่วนตัวตนก็มองว่ากรณีที่เกิดขึ้นยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูกอย่างไร เพราะขณะนี้ยังฟังความเพียงข้างเดียวอยู่ ส่วนอีกด้านก็ชี้แจงบ้างแต่ก็เล็กน้อย อยากให้ฟังทั้งสองด้านก่อนสังคมวิเคราะห์ออกมาได้ว่าเป้นอย่างไร แต่ในส่วนดังกล่าวก็ว่ากันไปส่วนพวกตนก็มองด้านการท่องเที่ยวแยกออกมา สถานที่ไหนน่าเที่ยวก็เที่ยวไปไม่มามองตรงในส่วนที่เขากันปัญหากันอยู่ แยกแยะออกจากกัน
จากการสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ระบุชัดเจนว่า พระ ว.วชิรเมธี กลับมาเมื่อไหร่ มีความเป็นไปได้สุดก็อาจเป็นสิ้นเดือนตุลาคม หากการก่อสร้างและฟื้นฟูบ้านเรือนให้กับชาวบ้าน อ.แม่สาย ที่พระ ว.วชิรเมธี ได้ดำเนินการก่อนมีเหตุการณ์เหล่านี้แล้วเสร็จก็อาจเดินทางกลับมาทำพิธีมอบให้กับชาวบ้านก็เป็นได้