เชียงราย ผาเมืองปะทะแก๊งขนไอซ์ โลโก้ Porsche 172กก

เวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 7 พ.ย.67 พล.ต.กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองและผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พ.อ.มีชัย นิลศาสตร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พ.อ.อนุวัช ปัญญานันท์ ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี เสธ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบบริเวณจุดปะทะ ระหว่าง ทหารร้อยม. 3 ฉก.ทัพเจ้าตากกองกำลังผาเมืองกับกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด โดยพบกระเป๋าเป้ลายพลางและสีเขียวตกอยู่บจำนวน 11 ใบ ภายในบรรจุห่อที่อำพรางเป็นถุงใบชาเป้ละ 15-19 ก้อน น้ำหนักก้อนละประมาณ 1 กิโลกรัม ประทับตรา Porsche ,หมาป่า, เสือ และมังกร รวมทั้งหมดประมาณ 172 กิโลกรัม โดยพบว่าเป็นยาไอซ์ และเคตามีนรวมกัน พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
โดยการปะทะกันในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.54 น.เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ม.3 ฉก.ทัพเจ้าตาก ได้จัดกำลังออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อไปถึงบริเวณช่องทางผาหิน พื้นที่หมู่บ้านห้วยน้ำริน หมู่ 7 ต.เวียงพางคำ ได้ตรวจพบกลุ่มคนต้องสงสัยพากันแบกสัมภาระลัดเลาะป่าเขาเข้ามายังฝั่งไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สัญญานเพื่อจะเข้าไปตรวจสอบปรากฎว่ากลุ่มคนดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อจะเปิดทางหลบหนี ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นนานประมาณ 5 นาที เมื่อสิ้นเสียงปืนเจ้าหน้าที่ทุกนายปลอดภัย จึงได้แจ้งกำลังเสริมเพิ่มเติมเพื่อควบคุมพื้นที่เอาไว้ กระทั่งสภาพอากาศเปิดจึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบไม่พบกลุ่มคนดังกล่าวเพราะอาศัยความชำนาญหลบหนีเข้าป่าไปได้
หลังจากการตรวจยึดในครั้งนี้ทาง พล.ต.กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองและผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบลำเลียงสิ่งผิดกฏหมายเข้าสู่ประเทศ
โดยการปฏิบัติงานของกองกำลังผาเมืองตั้งแต่เดือน ต.ค.67 จนถึง ปัจจุบัน กองกำลังผาเมืองได้สกัดยาเสพติดตามแนวชายแดนแล้ว 51 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 69 คน ยึดไอซ์ได้แล้ว 577 กิโลกรัม ส่วนยาเสพติดชนิดอื่นเป็นยาบ้า 12,952,062 เม็ด เฮโรอีน 140 กิโลกรัม มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่จำนวน 5 ครั้ง และยังไม่มีการเสียชีวิตของกลุ่มขบวนการขนยาเสพติด พื้นที่ที่มีการตรวจยึดยาเสพติดมากที่สุดยังคงเป็นชายแดนด้าน จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย และหากของกลางทั้งหมดถูกส่งเข้าสู่ชั้นในของประเทศจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 2,659.8 ล้านบาท