“พงศกร” เยี่ยมศูนย์ CI ขอนแก่น ให้กำลังใจผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู นับร้อยคน

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 26 พ.ย.2567 ที่ศูนย์บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด หรือ CI อ.เมืองขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามวัดป่าแสงอรุณ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายพงศกร อรรณนพพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อดีต รมช.ศึกษาธิการ,พร้อมด้วยนางดวงแข อรรณนพพร รอง นายก อบจ.ขอนแก่น และนายชัชวาล พรอมรธรรม กรรมการ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ที่เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ซึ่งอยู่ในความดูแลของ อ.เมืองขอนแก่น รวมทั้งสิ้นกว่า 80 คนโดยมีนายนิทัศน์ บุญพร้อม ผญบ.ม.9 ต.พระลับ พร้อมด้วย นายอดิสรณ์ ชาธรรม รองประธาน สภา ทต.พระลับ และ น.ส.นันทวัลย์ ไกรศรีวรรธนะ ประธานสภา ทน.ขอนแก่น พร้อมด้วย สมาชิกสภา จาก ทต.พระลับ และ ทน.ขอนแก่น ร่วมให้การต้อนรับและพบปะพูดคุยกับผุ้ที่เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูและคณะครูฝึก จาก กองร้อย อส.ขอนแก่น และวิทยากรรับเชิญจากหน่วยงานต่างๆอย่างอบอุ่น
นายพงศกร อรรณนพพร ผู้ช่วย รมว.คมนาคม กล่าวว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี และคณะรัฐมนตรีทุกคนย้ำชัดในการปราบปรามอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งขอนแก่น เป็นจังหวัดที่มีผลการปราบปรามอย่างเด็ดขาด เข้มงวดและต่อเนื่อง ดูได้จากผลการปราบปรามที่เป้นอันดับ 1 ของภาคอีสาน และอันดับ 4 ของประเทศ และที่สำคัญคือการที่ทุกฝ่ายได้ขยายกรอบการทำงานด้วยการจัดตั้งศูนย์บำบัดฟื้นฟูขึ้นซึ่งขอนแก่น มีการจัดตั้งครบทั้ง 26 อำเภอซึ่งนอกจากการตรวจคัดกรองหรือการตรวจสภาพร่างกายและตรวจหาสารเสพติดจากทีมแพทย์แล้วยังคงมีการประเมินผลทุกสัปดาห์ควบคู่กับกรฝึกอาชีพ ฝึกฝีมือ การเรียนการสอนในด้านต่างๆควบคู่กันไปด้วย
“ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่เข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูยาเสพติด วันนี้เราได้เห็นภาพทุกคนที่เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูนั้นมีความตั้งใจจริงที่จะกลับตัว กลับใจและกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวและสังคมอย่างอบอุ่น ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนยฯอ.เมืองขอนแก่น วันนี้ทำให้เห็นภาพที่จะเกิดการต่อยอดและการร่วมกันปรับแผนการดำเนินงาน ทุกฝ่ายจะเข้ามามีส่วนร่วมในการร่วมคืนคนดีสู่สังคม ด้วยการประสานงานร่วมหน่วยงานต่างๆในเพื่อที่จะ จัดสรรงบประมาณมาร่วมดำเนินการ เพราะทราบมาว่าศูนย์ฯแห่งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น งบจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และการร่วมกันสนับสนุนของคนในชุมชนซึ่งก็ไม่เพียงพอเนื่องจากศูนย์ฯมีคนจำนวนมาก ที่ต้องอยู่ด้วยกัน กินนอนด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกันนานหลายเดือน ดังนั้นเมื่อตนเองและคณะทำงานได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง มาพบกับสภาพความเป็นอยู่ มารับทราบถึงปัญหาและความต้องการ ข้อมูลทั้งหมดจะสะท้อนไปถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อมาร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และการบำบัดฟื้นฟูที่เข้มงวดต่อไป”