ตามหานักท่องเที่ยวหายในถ้ำทรายทองวันที่ 2 ยังไม่พบ ชุดค้นหาเผยมีรอยเท้าลงไปในน้ำภายในถ้ำ

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่งชาติ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็นชาวจีนหรือญี่ปุ่นอายุระหว่าง 50-60 ปี ที่ได้หายเข้าไปในถ้ำทรายทอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลายถ้ำในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ม.9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทราบว่าจะเข้าไปนั่งสมาธิราว 2-3 วันแต่เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์กว่าก็ยังไม่ออกจากถ้ำทำให้ชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ร่วมกันค้นหาแต่ยังไม่พบ โดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังกันเข้าไปค้นหาภายในถ้ำเป็นวันที่ 2 โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าไปค้นหาภายในถ้ำโดยแบ่งเป็นชุด ในการค้นหา โดยการค้นหาเริ่มยากลำบากเนื่องจากภายในถ้ำเป็นตาน้ำ ที่มีลำธารไหลออกมา คู่กับทางเดินและหินงอกหินย้อยภายในถ้ำโดยระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่องเพราะเป็นฤดูฝน

ซึ่ง พ.ต.อ.ทรงกฤช ออนตระไคร้ ผกก.สภ.แม่สาย พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารี สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว 2 กก.4 บก.ตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่อุทยาน ฝ่ายปกครอง อ.แม่สาย และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) พร้อมกับหน่วยกู้ภัย ได้นำเจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านพร้อมกับตรวจสอบภายในถ้ำ โดยในช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดค้นหา โดยเดินเข้าไปสำรวจได้ลึกประมาณ 1 กิโลเมตร พบทางแยกซ้ายภายในถ้ำ ซึ่งตามปกติจะมีห้องโถงใหญ่อยู่โดยเรียกกันว่า “ลานพระ” เพราะจะเป็นห้องโถงที่มีองค์พระพุทธรูปอยู่บนเนิน ที่ผ่านมาชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่เข้าไปจะแวะไหว้อยู่เสมอ แต่ปัจจุบันจุดดังกล่าวได้ถูกน้ำจากลำธารท่วมหมดเพราะอยู่ต่ำจากทางเดินโดยเหลือช่องว่างระหว่างผิวน้ำกับเพดานด้านบนห้องโถงเพียงแค่ประมาณ 1 คืบ ส่วนด้านหน้าทางลงห้องโถงพบมีร่องรอยการเดินลงไปแต่ก็ไม่พบนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด

ด้านชาวบ้านที่ชำนาญเส้นทางภายในถ้ำเปิดเผยว่าถ้ำดังกล่าวเป็นถ้ำลึกที่เชื่อมต่อไปถึงถ้ำอีกหลายแห่ง โดยบริเวณปากถ้ำก็มีถ้ำอื่นๆ เรียงรายอยู่เต็มจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่กรณีของถ้ำทรายทองจะมีความกว้างใหญ่และมีลำธารไหลผ่านออกมาด้วย โดยชาวบ้านที่เคยเข้าไปสำรวจบอกว่าถ้ำนี้สามารถเดินทะลุไปถึงชายแดนไทย-เมียมาได้