เวลา 12.30 น.วันที่ 17 ม.ค.61 ที่วัดเม็งรายมหาราช ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย พล.ต.ณัฐวุฒิ ชุณหะนันท์ ผบ.ร.17 เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจ ศพของนายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรงค์ โดยมี พ.ท.ปิยะชาติ พรมนาทม ผบ.ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ นำกำลังพล มาอำนวยในการประกอบพิธีกรรมที่วัดครบครัน โดยมีนางนาสอ มารดานายศรชัย แฟนสาว และญาติ เดินทางไปร่วมพิธีเป็นจำนวนมากท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า โดยเฉพาะนางนาสอที่ร้องไห้ตั้งแต่โรงพยาบาล และตลอดการเคลื่อนย้ายศพ
โดยในเวลา เวลา 12.45 น.ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวพลทหารวันชัย จำปา อายุ 22 ปีสังกัดกรมทหารราบที่ 17 ค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช จ.พะเยา ผู้ต้องหาในคดีซึ่งถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา,พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,และยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราชออกมาขอขมาศพ ก่อนจะขอขมามารดาของนายศรชัย รวมไปถึงแฟนสาวและญาติ โดยหลังจากที่มีการขอขมาแล้ว มารดาและแฟนสาวของนายศรชัย ต่างร้องให้เมื่อให้เห็นหน้าของผู้ต้องหา จากนั้นจึงมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพในเวลา 14.00 น.และญาติมีกำหนดจะรอเก็บเถ้าอัฐิเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมและฝังเอาไว้ที่สุสานบ้านห้วยน้ำขุ่นซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของนายศรชัยและครอบครัวต่อไป
หลังพิธีฌาปนกิจศพนายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปีบ้านเลขที่ 517 บ้านห้วยน้ำขุ่น หมู่ 16 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย ผู้ที่เสียชีวิตขณะขับรถผ่านด่านตรวจชุมชนบ้านแม่ต๋ำ หมู่ 4 ต.ท่าก๊อ เหตุเกิดวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ ฌาปนสถานวัดเม็งรายมหาราช อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พล.ต.ณัฐวุฒิ ชุณหะนันท์ ผบ.ร.17 เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุนี้แล้วทางเจ้าหน้าที่ทหารได้นัดปรึกษาหารือกับญาติของผู้เสียชีวิต ณ ที่ว่าการ อ.แม่สรวย แล้วเพื่อให้การช่วยเหลือและเยียวยาให้เป็นที่พอใจของทางญาติซึ่งก่อนหน้านั้นก็ให้การช่วยเหลือไปแล้วจำนวนหนึ่งและครั้งก็มอบหมายให้ทางกรมทหารราบที่ 17 มอบให้เพิ่มเติมอีกต่อไป
พล.ต.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าตนเองก็ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับญาติของผู้เสียชีวิตไปแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ส่วนพลทหารที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็เป็นเหมือนลูกของผมที่มีอายุเพียงแค่ 22-23 ปีซึ่งตามที่เป็นคนกำพร้าพ่อแม่ต้องอาศัยอยู่กับอารวมทั้งเป็นคนที่อาศัยอยู่ใน อ.แม่สรวย เมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็จับใบแดงได้มาเป็นทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 7 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้วตนก็เคยถามเขาๆ ก็ยังบอกว่ารู้สึกแปลกๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ตามปกติทหารจะออกปฏิบัติการตามคำสั่งส่วนใหญ่เป็นการการลาดตระเวน จากนั้นก็มาเข้าเวรแล้วถูกส่งไปสนับสนุนด่านชุมชนในช่วงเทศกาล ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นจึงถือว่าเกิดขึ้นเร็วมากและเขาเองก็ยังไม่เข้าใจโดยยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ซึ่งอาจทำไปตามสัญชาตญานซึ่งก็คงไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้เช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการกำชับการปฏิบัติงานในลักษณะนี้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธก็ได้โดยสามารถใช้การสังเกตุรถ ลักษณะรถ หมายเลขทะเบียนรถ จากนั้นใช้การออกติดตามหารถจะดีกว่าขณะที่เรื่องของคดีความก็ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป” ผบ.ร.17 กล่าว
ด้าน ญาติของนายศรชัย เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้ทำพิธีฌาปนกิจแล้ว ก็จะได้นำอัฐิไปฝังยังภูมิลำเนาโดยไม่มีพิธีการแต่อย่างใด ในส่วนการเยียวยาของทางทหาร และฝ่ายปกครองนั้นทางญาตเป็นท่พอใจ แต่ในส่วนของคดีนั้นก็ยังคงต้องดำเนินการต่อตามกฎหมาย และอยู่ในขั้นตอนที่จะส่งมอบคดีให้กับทางกองปราบ ดำเนินการต่อ